"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
ประโยชน์ดีๆ ของกรองแอร์รถยนต์

กรองแอร์รถยนต์ ถือว่ามีความสำคัญมากๆ เกี่ยวกับอากาศภายในห้องโดยสาร ซึ่งเดี๋ยวนี้รถยนต์รุ่นใหม่ๆ ต่างใส่มาให้กันตั้งแต่แรก ไม่ต้องไปทำเพิ่มให้ยุ่งยากเสียเวลาเหมือนรถรุ่นเก่าๆ

      แม้ระบบทำความเย็นในรถยนต์รุ่นเก่าจะสามารถทำความเย็นได้เหมือนกัน แต่ปัญหาที่พบบ่อยๆ มักเกิดจากความสกปรกของระบบแอร์นั่นเอง และส่วนใหญ่มันจะส่งผลดังนี้

     - แอร์ไม่เย็น ลมแอร์ออกมาเบา ทำให้ต้องเร่งพัดลมแอร์ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น
     - คอยล์เย็นรั่ว เนื่องจากมีสิ่งสกปรกมาเกาะติด และกัดกร่อนที่แผงคอยล์เย็น
     - ผู้โดยสารคนอื่น รวมถึงตัวคุณเอง อาจเกิดอาการคัดจมูก หรือภูมิแพ้ เนื่องจากสิ่งสกปรกและเชื้อโรคต่างๆ ที่อยู่ในระบบทำความเย็น

สำหรับประโยชน์ดีๆ ของกรองแอร์รถยนต์ มีอยู่ดังนี้

     - คอยล์เย็นไม่อุดตันจากฝุ่น และสิ่งสกปรกที่อยู่ในระบบทำความเย็น
     - กรองฝุ่นละออง และสิ่งสกปรกต่างๆ ไม่ให้เข้าไปภายในห้องโดยสาร
     - ห้องโดยสารสะอาด ไม่หมองเร็วเพราะฝุ่นละออง

     แม้ว่าตอนนี้กรองแอร์รถยนต์จะมีใส่ให้แต่รถรุ่นใหม่ๆ แต่รถรุ่นเก่าก็อย่าได้กังวลไป เพราะเดี๋ยวนี้มีร้านรับทำที่ใส่กรองแอร์รถยนต์เยอะแยะมากมาย แถมราคาก็ไม่แพงอย่างที่คิด
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

สินเชื่อรถยนต์ วงเงินสูงสุด สมัครง่าย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน
ให้ยอดสูง ต้องการเงินสด รถคุณช่วยได้ ให้ดอกถูกผ่อนนานไม่มีเงินเดือนประจำก็ยื่นได้  
- รับรถปี 2002 ขึ้นไป ให้ยอดจัดสูง ดอกเบี้ยต่ำ อนุมัติง่าย ถูกต้องตามกฏหมาย ผ่อนได้สูงสุด 72 งวด
- รับรถทุกรุ่นทุกยี่ห้อ รถหรู รถสปอร์ตนำเข้าราคาแพง ไม่จำกัดวงเงิน
    หรือรถบ้านทั่วไป
- ที่อื่นไม่รับเราจัดให้ ได้ทั้ง ลูกค้า บุคคล หรือ บริษัท
    ยื่นทีเดียวพร้อมกันหลายคันก็ได้
- ที่เก่าผ่อนสูง ต้องการยืดระยะเวลาให้ผ่อนน้อยลงสามารถทำได้
- รถยังผ่อนอยู่ แต่อยากใช้เงินก็สามารถทำได้
   (เช็คยอดค้างไฟแนนซ์ทั้งหมดก่อนโทรปรึกษา)
- อยู่ต่างจังหวัด สามารถจัดไฟแนนซ์ได้
- ไม่ต้องเป็นเจ้าบ้าน - บ้านเช่าก็จัดได้

สำหรับสินเชื่อรถยนต์ให้วงเงินสูงสุดตามราคาประเมินของไฟแนนซ์

คุณสมบัติของผู้สมัคร

  - สมัครง่าย ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์หรือผู้ค้ำประกัน
  - ผ่อนนาน 12-72 เดือน
  - อายุ 20- 60 ปี
  - สัญชาติไทย

เอกสาร
1. สำเนาบัตรประชาชน
2. สำเนาทะเบียนบ้าน
3. สำเนาบัญชีย้อนหลัง 3-6 เดือน
4. สลิบเงินเดือน(เดือนล่าสุด)หรือ หนังสือรับรองเงินเดือนก็ได้
5. สำเนาทะเบียนรถ
6. แผนที่บ้าน และ ที่ทำงาน

เอกสารครบ รู้ผลเลย รับเงิน ภายใน 3 วันทำการ

สนใจสมัคร คลิกที่นี่

https://www.d-credit.com

LINE ID : d-credit
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ยางเสื่อมสภาพได้ง่ายๆ หากจอดรถผิดวิธี

     บางคนซื้อรถยนต์มาเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวัน และในทุกๆ วันก็นำมาใช้งานตลอด แต่บางคนอาจมีรถหลายคัน หรือมีไว้แต่ไม่ได้ใช้ เนื่องด้วยเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่ ทำให้ต้องจอดรถยนต์ทิ้งไว้เป็นเวลานานๆ

     ซึ่งการจอดรถทิ้งไว้แบบนี้ ต้องดูสถานที่จอดให้ดี ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ ยางรถยนต์เสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ

     เนื่องจากการจอดรถยนต์ทิ้งไว้อยู่กับที่นานๆ ตัวรถ และน้ำหนักของรถทั้งหมดจะกดทับลงมาที่หน้ายางที่สัมผัสกับพื้น ด้วยเหตุนี้มันอาจทำให้ยางรถยนต์เกิดการเสียรูป และมันจะยิ่งเสียหายหนักขึ้น หากสถานที่จอดรถยนต์ของคุณไม่ใช่พื้นราบเรียบสม่ำเสมอกัน เช่น เนิน ลูกระนาด ฝาท่อ พื้นลาดเอียง ฯลฯ

     ดังนั้น เมื่อยางเสื่อมสภาพ ยางเสียรูป ไม่เป็นรูปวงกลมแล้ว ขณะวิ่งใช้งานรถยนต์ของคุณจะเกิดอาการสั่น มีเสียงดัง ฯลฯ



     สุดท้ายนี้ หากคุณไม่อยากให้ยางเสื่อมสภาพเร็วกว่าปกติ คุณต้องคอยไปขยับรถเพื่อเดินหน้า หรือถอยหลังบ้าง และอย่าจอดในพื้นที่ที่ไม่เท่ากัน นอกจากนี้หากจำเป็นต้องจอดรถทิ้งไว้นานจริงๆ ให้เติมลมยางเผื่อไว้ประมาณ 5 - 10 ปอนด์จากปกติด้วยนะครับ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ที่ปัดน้ำฝนเสียงดัง สาเหตุเกิดขึ้นจากอะไร

เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าฝน การเตรียมพร้อมเพื่อรับมือถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากคุณขับรถไปแล้วเกิดปัญหาระหว่างทางที่ฝนตก มันคงจะน่าหงุดหงิดไม่น้อย

      ซึ่งปัญหาหนึ่งที่มักเกิดขึ้นเป็นประจำและถือเป็นตัวช่วยสำคัญเมื่อเจอกับพายุฝนกระหน่ำตกมาแบบแรงๆ เม็ดใหญ่ๆ นั่นก็คือ ที่ปัดน้ำฝน

      ส่วนใหญ่ยางที่ใช้ปัดน้ำฝนจะมีอายุการใช้งาน 1 ปี เมื่อครบรอบ หรือก่อนจะเข้าหน้าฝนก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ เพราะหากยังฝืนใช้งานต่อไป ที่ปัดน้ำฝนจะเกิดเสียงดัง และปัดไม่สะอาดหมดจดเหมือนตอนแรก

      สำหรับสาเหตุที่ทำให้ที่ปัดน้ำฝนเกิดเสียงดัง มีอยู่ดังนี้

1. เนื้อยางที่ปัดน้ำฝนแข็งขึ้น-เสื่อมสภาพ
2. ตัวยางที่ปัดน้ำฝนกับกระจกเกิดความฝืด
3. แรงกดระหว่างยางที่ปัดน้ำฝนกับกระจกมีมากเกินไป



      นอกจากนี้ การดูแลที่ปัดน้ำฝนก็ถือเป็นเรื่องสำคัญ แถมยังเป็นเรื่องง่าย ไม่ยุ่งยาก เพียงแค่นำผ้าไปชุบน้ำบิดหมาดๆ แล้วรูดไปที่ยางปัดน้ำฝนให้ทั่วก็เรียบร้อยแล้ว ดังนั้นคุณควรดูแลที่ปัดน้ำฝนให้ดี หรือเปลี่ยนใหม่ทันทีเมื่อยางปัดเสื่อมสภาพ จะได้ไม่ต้องมานั่งหงุดหงิดทีหลัง
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ท่อไอเสียรั่ว มีอาการเป็นอย่างไร?

     ท่อไอเสียรั่ว ปัญหาที่ดูแล้วอาจเกิดขึ้นได้ยาก แต่ถ้าเมื่อใดที่เกิดปัญหานี้ขึ้นมา คุณควรที่จะรีบนำรถยนต์ไปแก้ไข ซ่อมแซม เพราะหากปล่อยไว้อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

     บางคนอาจคิดว่าแค่ท่อรั่ว คงไม่ร้ายแรงเท่าไรนัก แต่ผมกระทบที่เกิดขึ้นไม่ใช่น้อยๆ อย่างที่คิด ทั้งในเรื่องของการรบกวนผู้อื่น และสุขภาพของคุณเอง

     สำหรับอาการของท่อไอเสียรั่ว จะมีอยู่หลักๆ ดังนี้

     1. รถไม่มีกำลัง อืด วิ่งไม่ออก เหยียบแล้วไม่พุ่งเหมือนเดิม
     2. เสียงดังผิดปกติ ดังกว่าเดิม และผิดเพี้ยนไปจากที่เคยเป็น
     3. ควัน และกลิ่นเข้าห้องโดยสาร ซึ่งอาจทำให้มีอาการปวดหัว ง่วงนอน มึนงง และอาจเสียชีวิตได้ เพราะก๊าซคาร์บอนฯ ที่รั่วไหลเข้ามา



     สุดท้ายนี้ หากรถยนต์ของคุณเกิดอาการตามที่กล่าวมา คุณควรรีบนำรถไปซ่อมแซมโดยเร็ว อย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เพราะค่าซ่อม ค่าเชื่อม ไม่ได้แพงอย่างที่คิด แต่ถ้าอาการหนักมากๆ ก็ยอมควักเงินเพิ่มขึ้นอีกหน่อย เปลี่ยนท่อเส้นใหม่ไปเลย จะได้ไม่มีปัญหาตามมากวนใจทีหลัง
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ฝาหม้อน้ำ ชิ้นส่วนเล็กๆ ที่มีความสำคัญมากกว่าที่คิด

บางคนอาจเคยเจอปัญหาเครื่องยนต์ผิดปกติ เพราะมีความร้อนขึ้นสูง แต่หาสาเหตุเท่าไหร่ก็หาไม่เจอสักที จริงๆ แล้วมันอาจเป็นเพราะ "ฝาหม้อน้ำ"

     หลายๆ คนอาจคิดว่าฝาหม้อน้ำมีไว้เพื่อปิดหม้อน้ำเฉยๆ ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากมาย แต่หน้าที่หลักๆ ของมันก็คือ ควบคุมแรงดันภายในหม้อน้ำให้มีความคงที่ ตามตัวเลขแรงดันที่ระบุเอาไว้บนฉลากที่ติดอยู่กับฝาหม้อน้ำนั่นเอง

     สำหรับสาเหตุที่ทำให้ฝาหม้อน้ำมีปัญหา มีอยู่ 2 ข้อหลักๆ ดังนี้

1. วาล์ว และสปริงเป็นสนิม เนื่องจากหม้อน้ำมีความสกปรกจนทำให้เกิดสนิม
2. แผ่นยางเล็กๆ ใต้ฝาหม้อน้ำเสื่อมสภาพ หมดอายุการใช้งาน จนทำให้เกิดการฉีกขาด แข็ง เปราะ หรือเสียหาย ฯลฯ

     ฝาหม้อน้ำก็เหมือนชิ้นส่วน หรืออะไหล่อุปกรณ์ทั่วไป เมื่อใช้ไป 3 - 4 ปี หรือทุกๆ 40,000 - 50,000 กิโลเมตรก็ควรจะเปลี่ยนใหม่ เนื่องจากยางกันรั่วด้านใน และสปริงแรงดันสูง รวมไปถึงสปริงสุญญากาศ จะเกิดการเสื่อมสภาพ เพราะต้องอยู่กับความร้อนนานๆ นั่นเอง



     ส่วนราคาค่าตัวฝาหม้อน้ำก็ไม่แพงอย่างที่คิด แม้จะเบิกแท้ของศูนย์ฯ ก็ตาม ไม่เช่นนั้นแล้วมันอาจจะเกิดความเสียหายต่อเครื่องยนต์ส่วนอื่นๆ ตามมา คราวนี้อาจจะต้องเสียเงินเพิ่มมากกว่าแค่ฝาหม้อน้ำแน่ๆ

[img][/img]
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

สินเชื่อให้ยอด 120% รับรถปี 2006 ขึ้นไป
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รู้ยัง! เปลี่ยนแผ่นพลาสติกในแผงประตูเสริมความเงียบได้

เสียงรบกวนภายในห้องโดยสาร สามารถเกิดขึ้นได้ไม่ว่าจะเป็นรถใหม่ หรือรถเก่า ซึ่งส่วนใหญ่หากเป็นรถใหม่ สาเหตุที่เกิดขึ้นอาจเป็นเพราะวัสดุที่นำมาผลิตรถยนต์ถูกลดต้นทุนลงไป จึงทำให้เกิดเสียงรบกวนขึ้นมา แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไรนัก มีเสียงเพียงแค่นิดหน่อยเท่านั้น หากซีเรียสมากๆ ก็จัดการแดมป์เก็บเสียงไปเลย

     แต่สำหรับรถเก่าที่มีอายุอานามประมาณ 10 ปีขึ้นไป บางอย่างอาจเสื่อมสภาพ จนทำให้มีเสียงรบกวนเข้ามาภายในห้องโดยสารมากมาย ขับแรงขับเบาก็มีเสียงรบกวนดังตลอดเวลา ลองมาแก้ปัญหาด้วยการ เปลี่ยนแผ่นพลาสติกในแผงประตู เสริมความเงียบ กันดีกว่า ซึ่งวิธีการทำก็ง่ายๆ คุณสามารถทำเองได้ ส่วนอุปกรณ์ที่ต้องเตรียมก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก สามารถหาซื้อได้ทั่วไป



     อุปกรณ์

1. กรรไกร และคัตเตอร์
2. ไขควง
3. กาวยาง
4. พลาสติกใส 1x1.5 เมตร 2 หรือ 4 แผ่น (สำหรับรถ 2 หรือ 4 ประตู)
5. พลาสติกกันกระแทก 1x1.5 เมตร 2 หรือ 4 แผ่น (สำหรับรถ 2 หรือ 4 ประตู)

     



     วิธีเปลี่ยนแผ่นพลาสติกในแผงประตู

1. ขันน็อตที่แผงประตูออกทั้งหมด และยกแผงประตูออกมาเก็บไว้ (ดูจุดขันน็อตแผงประตูที่คู่มือประจำรถรุ่นนั้นๆ)
2. แกะแผ่นพลาสติกอันเก่าที่แผงประตูออกมา และทำความสะอาดคราบกาวอันเก่าให้เรียบร้อย
3. นำกาวยางมาทาที่แผงประตู เน้นบริเวณที่เป็นขอบประตู หรือรอยกาวอันเก่า จากนั้นนำพลาสติกใสแปะเข้าไป จัดวางองศาให้ดี และอย่าลืมเจาะรูเผื่อไว้สำหรับต่อสวิทช์กระจกไฟฟ้าด้วย
4. ให้ทากาวยางที่พลาสติกใสอีกครั้งตามรอยเดิม เสร็จแล้วจึงติดพลาสติกกันกระแทกเข้าไปเสริมอีกชั้นหนึ่ง
5. ปล่อยทิ้งไว้สักครู่ และตรวจเช็กอีกครั้ง จากนั้นจึงค่อยประกอบแผงประตูกลับเข้าที่เดิมให้เรียบร้อย

     เพียงเท่านี้ก็ถือว่าเสร็จเรียบร้อย ภายในห้องโดยสารของคุณจะเงียบมากขึ้น สามารถลดเสียงลม และเสียงรบกวนได้มากโข แถมยังใช้เงินในการทำไม่เยอะ และเสียเวลาไม่มากอีกด้วย
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

6 วิธีปกป้องรถจากกองทัพแมลงสาบ ปิดความเสี่ยงอุบัติเหตุบนท้องถนน

     
     ปัญหานี้มีคำตอบ เมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านกำจัดสัตว์รบกวนของสิงคโปร์แนะ 6 วิธีง่ายๆ ไว้ปฏิบัติกัน

     1. หลีกเลี่ยงการนำอาหารขึ้นไปกินบนรถ ตามที่บริษัทกำจัดสัตว์รบกวน 'เรนโตคิล สิงคโปร์' บอกไว้ว่า แมลงสาบกับอาหารเป็นของคู่กัน การทิ้งเศษอาหาร, ภาชนะใส่อาหารไว้บนรถจำนวนมาก จะสิ่งกลิ่นให้แมลงสาบแวะมาเยี่ยมเยียนในรถได้แล้ว  

     แต่ถ้าเลี่ยงไม่ได้ ที่ต้องกินอาหารบนรถ โดยเฉพาะรถคันที่มีเด็กนั่งด้วย ก็จำเป็นต้องทำความสะอาดอย่างถี่ถ้วนทุกครั้งหลังจากนั้น และการที่เหล่าแมลงสาบชื่นชอบสิ่งแวดล้อมที่ชื้นๆ ดังนั้นเมื่อทำอาหารหกหรือหล่นในรถขอให้รีบเช็ดทำความสะอาดทันที

     2. ทำความสะอาดและจัดระเบียบภายในรถเป็นประจำ เพราะการทำความสะอาดรถเป็นประจำ คือวิธีหนึ่งที่ป้องกันไม่ให้แมลงสาบมาอาศัยอยู่ภายในรถ โดยเฉพาะบริเวณพรม, ช่องว่างระหว่างเบาะที่นั่ง, และช่องวางของข้างประตู

     นอกจากเช็ดถูทำความสะอาดแล้ว ยังมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญด้านกำจัดสัตว์รบกวนด้วยว่าควรใช้เครื่องดูดฝุ่นร่วมด้วย เพราะแมลงสาบส่วนใหญ่ชอบซ่อนตัวและทำรังภายในซอกต่างๆ ของรถ เช่น ฝากระโปรงหลังรถ จัดเก็บสิ่งของในกล่องพลาสติกที่มีฝาปิดมิดชิด นอกจากนี้แมลงสาบยังสามารถย้ายตัวเองจากสิ่งของหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่งอย่างติดมากับถุงจ่ายตลาด เจ้าของรถอาจต้องตรวจดูก่อนว่าไม่มีเจ้าแมลงนี้ติดมาด้วย

3. หลีกเลี่ยงการจอดรถใกล้กับถังขยะ หรือฝาท่อน้ำทิ้ง บรรดาเจ้าของรถควรหลีกเลี่ยงจอดรถของท่านใกล้กับแหล่งกำเนิดหรือเพาะพันธุ์แมลงสาบ เช่น ถังขยะ, หรือท่อน้ำทิ้งและสิ่งปฏิกูล แมลงสาบสามารถเข้าสู่ภายในตัวรถของท่านได้จากท่อเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักการเดินทาง ดังนั้นก่อนจอดรถในบริเวณที่กล่าวมาข้างต้น ขอให้เจ้าของรถมั่นใจว่า หน้าต่าง, ประตู, ท่อแอร์ ปิดสนิทเรียบร้อยแล้ว

     4. ระมัดระวังการใช้สารเคมีกำจัดแมลง ถึงแม้การใช้สารเคมีกำจัดแมลงจะเป็นวิธีที่รวดเร็ว แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าของรถพึงระวังคือ ระวังอย่าเข้าไปอยู่ภายในรถขณะใช้ เพราะสารเคมีในยากำจัดแมลงสามารถติดไฟได้ อีกทั้งยังเป็นอันตรายกับมนุษย์และสัตว์เลี้ยง หรือจะเลี่ยงการใช้สารเคมี ด้วยการนำกับดักแมลงสาบไปวางไว้ใต้เบาะที่นั่ง ก็สามารถช่วยดักจับได้อีกวิธีหนึ่ง

     5. ใบเตย มีช่วงหนึ่งที่คนไทยฮิตวางใบเตย 1 กำไว้ด้านหลังเบาะผู้โดยสาร ที่สิงคโปร์ก็ทำเหมือนกัน แต่พวกเขาเชื่อว่า กลิ่นของใบเตยช่วยไล่แมลงสาบได้ เรื่องนี้ 'ดร. ชาน เฮียง เฮา' นักกีฏวิทยา ของเรนโตคิล บอกว่า ใบเตยไม่ได้ฆ่าแมลงสาบ ช่วยเพียงป้องกันเท่านั้น เหนือสิ่งอื่นใดควรเช็ดใบเตยให้แห้ง เนื่องจากใบเตยสามารถเป็นอาหารของแมลงสาบและแมลงอื่นๆ ได้

     6. เห็นแมลงสาบเพียงตัวเดียว อาจมีอีกเป็นฝูงภายในรถ ตามสถิติจากการกำจัดแมลงรบกวนของบริษัท เพสต์บัสเตอร์ ในสิงคโปร์บอกไว้ว่า การพบเห็นแมลงสาบในเวลากลางวัน อาจเป็นปัญหาใหญ่ตามมาได้ เพราะแมลงสาบ 1 ตัวที่เห็น อาจหมายถึงอีกเป็นสิบหรือเป็นฝูงเลยก็ได้ เพราะนิสัยของแมลงสาบนั้นจะออกอาหารในเวลากลางคืน แต่ถ้ามันออกมาเดินเล่นตอนกลางวันภายในรถ นั่นอาจหมายถึงรถของคุณคือรังที่อยู่อาศัยของพวกแมลงสาบก็เป็นได้

     อีกทั้งยังพบสถิติว่าตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ชาวสิงคโปร์ 5-10% เรียกใช้บริการบริษัทกำจัดแมลง เนื่องจากพบแมลงสาบเข้าไปอาศัยในรถจำนวนมาก
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

วิธีแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เมื่อน้ำมันกำลังจะหมด!!!

น้ำมันหมด เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ยาก แต่ก็ใช่ว่าจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย ซึ่งบางครั้งอาจเป็นเพราะรถติดหนัก ขยับทีละคืบ หรือเวลาเดินทางไกลๆ ขับไปก็ไม่เจอปั๊มน้ำมันสักที มันก็ชวนให้ใจหวิวๆ ลุ้นหนักอยู่เหมือนกันว่า น้ำมันจะหมดก่อน หรือจะถึงปั๊มก่อนกันแน่

แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริงๆ สัญญาณเตือนน้ำมันกำลังจะหมดแสดงขึ้นมา ให้คุณทำตามวิธีเหล่านี้

1. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกอย่างในรถ เช่น วิทยุ เครื่องเสียง แอร์ และอื่นๆ ฯลฯ

2. ใช้ความเร็วคงที่อย่างสม่ำเสมอ เพื่อประหยัดน้ำมัน โดยควบคุมให้ความเร็วอยู่ราวๆ 50 - 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับรถไม่เกิน 1,800 ซีซี และใช้ความเร็วราวๆ 60 - 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับรถที่มีขนาดเกิน 2,000 ซีซี ขึ้นไป

3. อย่าลดความเร็วลงโดยไม่จำเป็น และอย่าเบรกบ่อยๆ เพราะการทำแบบนี้จะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันอย่างมาก

4. หลบเลี่ยงเส้นทาง หรือถนนที่มีหลุมมีบ่อเยอะๆ ทั้งหลุมเล็ก-หลุมใหญ่ เพราะมันจะทำให้คุณต้องเหยียบเบรก และคันเร่งบ่อยขึ้น

5. อย่าเปิดหน้าต่างทิ้งไว้ (แง้มไว้แค่เล็กน้อย) เพราะมันจะต้านแรงลมที่พุ่งเข้ามาหารถของคุณ แม้วิธีนี้จะช่วยไม่ได้มาก แต่มันก็ถือว่าช่วยได้เหมือนกัน

6. หลีกเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรหนาแน่น แม้จะเป็นเรื่องที่ยาก เพราะไปทางไหนก็มีแต่รถติด แต่การขับไปเรื่อยๆ กับการขับๆ เบรกๆ มีผลต่ออัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน

แม้เหตุการณ์น้ำมันหมด จะมีเปอร์เซ็นต์เกิดขึ้นได้น้อย แต่ทางที่ดีคุณก็ควรที่จะเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกเดินทางทุกครั้ง ตรวจเช็กปริมาณน้ำมันในถังที่หน้าปัดรถยนต์ก่อนสตาร์ทรถ รวมไปถึงความพร้อม ความสมบูรณ์ของรถยนต์ และเครื่องยนต์ด้วย จะได้เดินทางราบรื่น ไม่มีสะดุด เพราะไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากขับรถไปแล้วเกิดปัญหากลางทาง
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host