"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
5 ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับไฟ Daytime Running Light ของคนไทย
ปัจจุบันรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เริ่มติดตั้งไฟส่องสว่างสำหรับขับขี่เวลากลางวัน หรือ Daytime Running Light ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานกันมากขึ้น ซึ่งเป็นการเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ แถมยังเป็นช่องทางให้ผู้ผลิตรถยนต์สามารถใส่ลูกเล่นเพิ่มความสวยงามให้กับตัวรถได้มากขึ้น นับเป็นจุดขายอย่างหนึ่งด้วย
ซึ่ง Daytime Running Light หรือที่คนไทยเรียกกันติดปากว่า 'เดย์ไลท์' นั้น ถูกนำมาบังคับใช้เป็นกฎหมายในยุโรปมาตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งรถยนต์นั่งทุกคันที่ผลิตขึ้นสำหรับวางจำหน่ายในยุโรปหลังเดือนกุมภาพันธ์ 2011 เป็นต้นไป จะต้องติดตั้งระบบไฟดังกล่าวมาจากโรงงาน ส่วนรถที่ผลิตไปแล้วก่อนหน้าไม่มีการบังคับใช้กฎหมายที่ว่านี้แต่อย่างใด
คุณลักษณะของไฟ DRL ว่าด้วยมาตรฐานความปลอดภัย UNECE Reg 87 และ 48 กล่าวโดยสรุป คือ จะต้องมีความสว่างจนสามารถเห็นได้ชัดเจนในเวลากลางวัน และจะต้องหรี่หรือดับลงอัตโนมัติเมื่อเปิดไฟหรี่หรือไฟหน้ารถ หาก DRL ถูกติดตั้งไว้ใกล้กับสัญญาณไฟเลี้ยว จะต้องมีการหรี่หรือดับ DRL ข้างที่เหมาะสมโดยอัตโนมัติเมื่อยกก้านไฟเลี้ยว เพื่อป้องกันการรบกวนทำให้ผู้ใช้ถนนไม่สามารถเห็นไฟเลี้ยวได้อย่างชัดเจน เป็นต้น
ซึ่งคุณลักษณะเหล่านี้ จะช่วยให้ผู้ใช้ถนนคันอื่นสามารถเห็นรถที่ติดตั้ง DRL ได้อย่างชัดเจนขึ้นแม้ในเวลากลางวัน ช่วยให้สามารถกะระยะห่างและความเร็วที่แล่นมาของรถได้ดียิ่งขึ้น คล้ายกับกฎหมายที่มีการบังคับรถมอเตอร์ไซค์ให้เปิดไฟหน้ารถไว้ตลอดเวลาขณะขับขี่นั่นเอง ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ผู้ผลิตรถยนต์ในบ้านเราหันมาให้ความสนใจกับฟังก์ชั่นที่ว่านี้กันมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
มเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Daytime Running Light ของผู้ใช้รถในบ้านเราอยู่ไม่น้อย ซึงรวบรวมมาไว้ดังนี้ครับ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

1.ต้องเป็นไฟสีขาวเสมอ
ไฟ DRL ที่พบเห็นส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักเป็นแบบ LED ที่ให้แสงสีขาว สวยงาม สะดุดตา ซึ่งไม่ได้หมายความว่าไฟ DRL จะต้องเป็นแบบแอลอีดีเสมอไป รถบางรุ่นยังคงใช้หลอดแบบฮาโลเจนที่ให้แสงสีขาวนวลอมเหลือง ซึ่งก็สามารถใช้ได้เช่นกันหากให้ความสว่างเพียงพอ
2.กินแบตโดยใช่เหตุ
จริงอยู่ที่ถ้ารถมีอุปกรณ์ไฟฟ้ามากขึ้น ก็จะส่งผลให้กินแบตมากขึ้นตามไปด้วย แต่สำหรับไฟ DRL นั้นถือว่ากินแบตน้อยมาก โดยเฉพาะรุ่นที่เป็นแบบ LED แต่ถ้าเป็นหลอดแบบฮาโลเจนก็ใช้พลังงานไม่ต่างไปจากหลอดไฟเบรก (แบบไส้) เลย ดังนั้น จึงตัดกังวลไปได้เลยว่าเปิดไฟเดย์ไลท์แล้วจะทำให้เปลืองแบตรถเปล่าๆ
ทางที่ดีถ้ารถคันไหนมีมาให้ ก็ใช้ไปเถอะครับ เพื่อความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้น ไม่ต้องไปปิดหรือเปิดไฟหรี่แทน ซึ่งวิธีนั้นเผลอๆจะกินแบตมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะไฟรถจะสว่างทั้งคัน ไม่เว้นแม้แต่ภายในห้องโดยสาร
3.ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร
อย่างที่บอกไปว่า DRL ถูกกำเนิดขึ้นด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยเป็นหลัก ดังนั้น การที่เปิดไฟ DRL ทิ้งไว้ จะทำให้รถคันอื่นสามารถสังเกตเห็นรถของคุณได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ในกรณีที่คุณขับรถเร็วอยู่ในช่องทางขวา หากมีรถกำลังจะแซงมาจากเลนซ้าย เขาก็จะสามารถคาดคะเนความเร็วของรถคุณได้ดีขึ้นด้วย เป็นต้น
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

4.สว่างไม่ต้องมากก็ได้
ถ้าเป็นไฟ DRL ที่ติดตั้งมาจากโรงงานผู้ผลิต พวกนี้จะมีความสว่างในระดับมาตรฐานอยู่แล้ว แต่รถบางรุ่นที่ไม่ได้ติดตั้งมาให้ เจ้าของอาจนำไปติดตั้งเองจากร้านอุปกรณ์ประดับยนต์ ซึ่งถ้าเลือกซื้อแบบราคาถูกจากจีนหรือไต้หวัน ไฟ DRL พวกนี้ก็มักไม่สว่างเพียงพอต่อการใช้ประโยชน์จริง เน้นติดเอาแฟชั่นเสียมากกว่า ยิ่งถ้าใช้สีอื่นนอกเหนือไปจากสีขาวหรือสีขาวอมเหลืองแล้วละก็ ยังถือว่าผิดกฎหมายอีกด้วย
5.ใช้แทนไฟหน้ายามค่ำคืนได้
รถยนต์บางรุ่นถูกออกแบบไฟ DRL มาอย่างสวยงาม จนทำให้เจ้าของรถบางคนใช้วิ่งยามค่ำคืนโดยไม่เปิดไฟหน้า เพราะต้องการความโดดเด่น แต่รู้ไหมว่านี่ถือเป็นพฤติกรรมที่อันตรายต่อผู้ร่วมทางมาก เพราะไฟเดย์ไลท์จะมีความสว่างมากในเวลากลางคืน เนื่องจากลำแสงจะถูกตั้งให้ส่องไปด้านหน้าเพื่อให้เห็นได้ชัดเจนขณะวิ่งกลางวัน ทำให้แยงสายตาผู้ขับขี่คนอื่นๆในเวลากลางคืน รวมถึงไฟตำแหน่งต่างๆ เช่น ไฟท้าย ไฟส่องทะเบียน ฯลฯ ก็จะไม่สว่างขึ้นมา เสี่ยงต่อการโดนชนท้ายอีกต่างหาก
ดังนั้น เราควรใช้ Daytime Running Light ไม่เพียงเพราะเหตุผลด้านความสวยงามเท่านั้น แต่ยังต้องคำนึงถึงความปลอดภัยอันเป็นจุดประสงค์หลักของมันควบคู่กันไปด้วยครับ
http://auto.sanook.com/52799/
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ตลาดรถญี่ปุ่นเผชิญศึก ค่าเงินแข็ง-เรื่องอื้อฉาว
บรรยากาศตลาดรถยนต์ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาร้อนแรงเป็นที่จับตามองอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นข่าวการโกงการประหยัดน้ำมันของมิตซูบิชิ ค่ายรถยนต์ชื่อดังจากญี่ปุ่นปัญหาถุงลมนิรภัยทากาตะที่นำไปสู่การเรียกคืนรถยนต์กว่า 50 ล้านคันทั่วโลก หรือโฟล์คสวาเกน บริษัทรถยนต์สัญชาติเยอรมันที่มีการโกงการตรวจสอบมลพิษ กลับมียอดขายรถยนต์ครองอันดับ 1 แซงหน้าโตโยต้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่น ที่ 2.51 ล้านคัน
ล่าสุด โตโยต้า มอเตอร์ คาดการณ์ว่าผลกำไรจากการดำเนินงานประจำปีงบประมาณปัจจุบันสิ้นสุดเดือน มี.ค. 2017 อาจปรับตัวลงถึง 40.4% อยู่ที่ 1.7 ล้านล้านเยน (ราว 5.5 แสนล้านบาท) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 5 ปี เนื่องจากเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น และเศรษฐกิจของประเทศตลาดเกิดใหม่ที่ชะลอตัว
ส่วนกำไรสุทธิปีงบประมาณเดียวกันอาจร่วงลง 35.1% แตะ 1.5 ล้านล้านเยน (ราว 4.9 แสนล้านบาท) ขณะที่รายได้ก็มีแนวโน้มจะปรับตัวลงราว 6.7% แตะ 26.5 ล้านล้านเยน (ราว 8.61 ล้านล้านบาท)
อาคิโอะ โตโยดะ ประธานบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ระบุว่า ที่ผ่านมาโตโยต้าได้ประโยชน์จากเงินเยนอ่อนค่า ส่งผลให้รายได้ของบริษัทอยู่สูงกว่าระดับจริง ส่วนปีนี้บริษัทต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ที่อาจทำให้สถานการณ์ของโตโยต้าแย่ลงไปอีกในปีนี้
อย่างไรก็ดี โตโยต้าตั้งเป้ายอดจำหน่ายรถยนต์ที่ 10.15 ล้านคันทั่วโลกปีนี้ สูงกว่ายอดขายปีก่อนที่ 10.09 ล้านคันทั่วโลก โดยในปีงบประมาณก่อน ผลกำไรค่าดำเนินงานปรับตัวขึ้น 3.8% แตะ 2.85 ล้านล้านเยน (ราว 9.3 แสนล้านบาท) ผลกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 6.4% อยู่ที่ 2.31 ล้านล้านเยน (ราว 7.5 แสนล้านบาท) และยอดขายเพิ่มขึ้น 4.3% แตะ 28.40 ล้านล้านเยน (ราว 9.22 ล้านล้านบาท)
มิตซูบิชิรับโกงรถทุกรุ่น
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ผู้ผลิตรถยนต์ชื่อดังจากญี่ปุ่น ยอมรับว่าอาจมีการโกงการประหยัดน้ำมันในรถยนต์ยี่ห้อมิตซูบิชิทุกรุ่นที่จำหน่ายในญี่ปุ่นตลอดช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 6 แสนคัน
จากข่าวฉาวดังกล่าว ส่งผลให้ยอดจำหน่ายรถยนต์มินิคาร์ รุ่นอีเค วากอน และอีเค สเปซ ของมิตซูบิชิ ร่วงลงจากอันดับ 12 มาอยู่ที่อันดับ 19 เช่นเดียวกับรถยนต์รุ่นเดอะ เดย์ส และเดอะ เดย์ส รูกซ์ ของนิสสัน ที่ร่วงลงเช่นกัน โดยยอดจำหน่ายรถยนต์รุ่นเอ็น-บ็อกซ์ ของฮอนด้า ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากญี่ปุ่น ปรับตัวขึ้น 14.4% ตามมาด้วยรถยนต์รุ่นตันโตะของไดฮัทสุ มอเตอร์ ปรับตัวขึ้น 36.7%
.... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/auto/news/431449
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ขับรถหน้าฝน เตรียมตัวอย่างไรให้ปลอดภัยหายห่วง
หมดร้อนแล้วอย่าเพิ่งสบายใจ เพราะหน้าฝนมีหลายอย่างที่ต้องกังวล ร้อนจัดอยู่ดี ๆ ในก็ตกไม่ลืมหูลืมตา การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศแบบกะทันหันตลอดเวลา ลักษณะนี้มีผลต่อรถยนต์อย่างที่คุณคาดไม่ถึง แม้ว่าจอดรถไว้เฉย ๆ ไม่ได้สตาร์ทหรือขับไปไหนก็ตามที มันก็ส่งผลให้ของเหลวและหลาย ๆ ส่วนในรถยนต์เกิดเสื่อมสภาพได้เช่นกัน ดังนั้นก่อนที่หน้าฝนจะมาเยือนอย่างเป็นทางการ เห็นควรว่าเราต้องเตรียมความพร้อมให้กับรถยนต์คันโปรดเสียก่อน จะได้ไม่ต้องมานั่งช้ำใจกันภายหลัง
ช่วงก่อนหน้าร้อน เจ้าของรถหลาย ๆ ท่านได้เตรียมความพร้อมรับลมร้อนกันมาบ้างแล้ว การเตรียมพร้อมในหน้าร้อนนั้นคนส่วนใหญ่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญมากกว่าในฤดูไหน ๆ คิดว่าความร้อนของอากาศจะทำให้น้ำมันเครื่องน้ำมันเกียร์ น้ำมันเบรก ฯลฯ เกิดการเสื่อมสภาพอันเนื่องมาจากความร้อน ก็ถูกต้องเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เพราะอีกครึ่งหนึ่งความชื้นภายในอากาศก็สามารถส่งผลให้ของเหลวต่าง ๆ เหล่านั้นเสื่อมสภาพได้ไม่แพ้ความร้อนเลยทีเดียว จึงอยากจะบอกว่า การเตรียมพร้อมในฤดูฝนก็เป็นสิ่งที่เจ้าของรถไม่ควรละเลยเช่นกัน ดังนั้น เรามาเตรียมรถรับมือฤดูฝนที่กำลังจะมาถึงกันเลยดีกว่า
น้ำมันเครื่อง
ส่วนใหญ่ก็จะเปลี่ยนกันตั้งแต่ก่อนหน้าร้อนจะมาเยือนกันไปรอบหนึ่งแล้ว นี่ก็ผ่านพันไป 4-5 เดือนแล้ว รวม ๆ ระยะทางของรถบางคันก็ถึงรอบที่จะต้องเปลี่ยนน้ำมันเครื่องกันอีกครั้ง บางคันอาจใกล้ถึงระยะที่จะต้องเปลี่ยนแล้ว ก็น่าจะถือโอกาสนี้เปลี่ยนน้ำมันเครื่องไปซะเลย เพราะหน้าร้อนที่ผ่านมาน้ำมันเครื่องต้องทำงานหนักมาก ทั้งความร้อนและความชื้นที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของอากาศอยู่บ่อย ๆ
หน้าฝนเครื่องยนต์ก็ต้องการน้ำมันเครื่องใหม่ ๆ มาช่วยปกป้องเครื่องยนต์เหมือนกัน เนื่องจากความชื้นในอากาศเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับน้ำมันเครื่องทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพเร็วขึ้น ไม่แพ้ความร้อน ในพื้นที่ที่มีฝนตกชุกจึงต้องให้ความสำคัญกับน้ำมันเครื่องมากขึ้น
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ตรวจสภาพใต้ท้องรถ
เป็นสิ่งสำคัญมากทีเดียว เพราะการปล่อยปละละเลยไม่ตรวจสอบอาจจะทำให้ความเสียหายเกิดมากกว่าที่คุณคิด โดยเฉพาะพื้นที่ซึ่งน้ำท่วมเป็นประจำ การเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง อะไรบ้างที่ต้องทำการตรวจสอบและตรวจเช็ก
อย่างแรกคือบรรดายางหุ้มแร็คและยางหุ้มเพลา เพราะการปริแตกหรือฉีกขาดเพียงเล็กน้อยจะส่งผลเสียหายตามมาเป็นอย่างมาก เพราะน้ำที่ท่วมนองนั้นมักจะมีโคลนทรายและสิ่งสกปรกมากมายปะปนอยู่ น้ำจะเข้าไปชะล้างจาระบีที่อยู่ภายในออกมา และทรายหรือดินที่อยู่ในน้ำก็จะเข้าไปแทนที่ปะปนอยู่กับจาระบีไม่นานก็จะเกิดความหายนะขึ้นกับชิ้นส่วนเหล่านั้น เนื่องจากเป็นชิ้นส่วนที่ต้องเคลื่อนไหว และมีการเสียดสีกันอยู่ตลอดเวลา ทรายและดินเม็ดเล็ก ๆ ที่เข้าไปแทรกอยู่ระหว่างหน้าสัมผัสจะทำให้เกิดการสึกหรออย่างรุนแรงและรวดเร็ว
เหมือนกับการที่คุณเอามือถูกไปมาบนพื้นถนนนั่นแหละ ทรายที่อยู่บนพื้นผิว จะทำให้มือถลอกเอาง่าย ๆ ไม่นานแร็คและเพลาขับก็จะเกิดเสียงดัง การซ่อมแซม จะเป็นเงินก้อนโตมากกว่าการเปลี่ยนยางหุ้มเพลาหรือยางหุ้มแร็คหลายเท่าตัว
การตรวจสอบร่องรอย
การรั่วซึมต่าง ๆ เช่น อ่างน้ำมันเกียร์ อ่างน้ำมันเครื่องซีลท้ายหรือหน้าเครื่อง ทำไมต้องตรวจสอบนั่นก็เพราะว่า การรั่วซึมที่เกิดขึ้นจะทำให้ของเหลวที่อยู่ภายในซึมออกมา เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง เป็นต้น
ทางออกของน้ำมันเหล่านั้นมันก็กลายเป็นทางเข้าของน้ำและความชื้นได้เป็นอย่างดี และน้ำนี่แหละจะเป็นตัวการทำให้เกียร์ โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ เกิดความเสียหาย โดยเริ่มจากการทำงานของเกียร์ที่ผิดปกติ
ในส่วนเครื่องยนต์ น้ำจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพไม่สามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพบร่องรอยการรั่วซึมเกิดขึ้นต้องทำการซ่อมแซมก่อนที่หน้าฝนจะมาถึงโดยไม่ต้องรอ การซ่อมเกียร์หรือยกเครื่องออกมาโอเวอร์ฮอลนั้นค่าใช้จ่ายจะแพงมากกว่าอะไหล่และค่าแรงในการเปลี่ยนซีลหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

การตรวจสอบร่องรอย
การรั่วซึมต่าง ๆ เช่น อ่างน้ำมันเกียร์ อ่างน้ำมันเครื่องซีลท้ายหรือหน้าเครื่อง ทำไมต้องตรวจสอบนั่นก็เพราะว่า การรั่วซึมที่เกิดขึ้นจะทำให้ของเหลวที่อยู่ภายในซึมออกมา เช่น น้ำมันเกียร์ น้ำมันเครื่อง เป็นต้น
ทางออกของน้ำมันเหล่านั้นมันก็กลายเป็นทางเข้าของน้ำและความชื้นได้เป็นอย่างดี และน้ำนี่แหละจะเป็นตัวการทำให้เกียร์ โดยเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ เกิดความเสียหาย โดยเริ่มจากการทำงานของเกียร์ที่ผิดปกติ
ในส่วนเครื่องยนต์ น้ำจะทำให้น้ำมันเครื่องเสื่อมสภาพไม่สามารถปกป้องเครื่องยนต์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เมื่อพบร่องรอยการรั่วซึมเกิดขึ้นต้องทำการซ่อมแซมก่อนที่หน้าฝนจะมาถึงโดยไม่ต้องรอ การซ่อมเกียร์หรือยกเครื่องออกมาโอเวอร์ฮอลนั้นค่าใช้จ่ายจะแพงมากกว่าอะไหล่และค่าแรงในการเปลี่ยนซีลหลายเท่าตัวเลยทีเดียว
น้ำมันเบรก
ถ้าก่อนหน้าร้อนคุณเคยเปลี่ยนไปแล้วก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าห่วง น้ำมันเบรกนั้นส่วนใหญ่คู่มือประจำรถมักระบุว่าควรเปลี่ยนทุก ๆ 40,000 กิโลเมตรหรือทุก ๆ 2 ปี แต่สภาพอากาศร้อนขึ้นอย่างบ้านเราควรจะเปลี่ยนเร็วขึ้น
ลองสำรวจดูว่าถ้ายังไม่เคยเปลี่ยนน้ำมันเบรกในช่วงเกือบ ๆ 2 ปีที่ผ่านมา ถือโอกาสเปลี่ยนซะเลย ตอนนี้จะเป็นการดี เพราะความขึ้นในอากาศจะยิ่งทำให้น้ำมันเบรกที่ใกล้เสื่อม เสื่อมเร็วยิ่งขึ้น และอาจจะทำให้น้ำมันเบรกเดือดจากกรณีใช้เบรกหนัก ๆ เนื่องจากความชื้นที่ปะปนอยู่ในระบบเบรกนั่นเอง

ยาง
ความเปียกลื่นบนท้องถนนนั้นจะทำให้ประสิทธิภาพการทรงตัวและการยืดเกาะถนนลดลง ประการแรกที่ต้องทำคือตรวจสอบการสึกหรอของหน้ายางว่าอยู่ในระดับใดแล้ว โดยที่หน้ายางจะมีระดับบอกการสึกหรอต่ำสุดของยางอยู่
กรณีดอกยางสึกมากจนใกล้ถึงระดับดังกล่าว คุณจะต้องขับขี่ด้วยความระมัดระวังใช้ความเร็วต่ำลง และหลีกเลี่ยงการขับขี่ลุยแอ่งน้ำ เนื่องจากประสิทธิภาพในการรีดน้ำของหน้ายางลดลง ทำให้เกิดอาการเหินน้ำได้ง่าย
แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าดอกยางใกล้หมด ถ้าคุณไม่รู้ว่าขีดบอกระดับต่ำสุดของดอกยางอยู่ตรงไหน สามารถทดสอบได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ไม้บรรทัดเสียบลงไปในร่องของดอกยาง ถ้าร่องดอกยางมีความลึกน้อยกว่า 2 มิลลิเมตรถือว่าอยู่ในระดับอันตราย
ในฤดูฝนนั้นร่องลึกของดอกยางมีความสำคัญมากในการรีดน้ำ ถ้ายางมีสภาพไม่ค่อยดีก็ควรเปลี่ยนใหม่ทันที ยางที่หมดดอกจะทำให้การควบคุมพวงมาลัย การทรงตัว และประสิทธิภาพในการเบรกลดลงอยู่ในขั้นวิกฤติเลยทีเดียว
แม้ว่าสภาพคล่องทางการเงินของคุณจะไม่สู้ดีนัก อย่าคิดว่าการทนใช้ไปก่อนจะเป็นทางออกที่ดี การมีชีวิตอยู่เพื่อใช้หนี้ค่ายางใหม่สักชุดย่อมดีกว่า
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ใบปัดน้ำฝน
ควรเปลี่ยนทุกปีเมื่อฝนแรกเริ่มตกลงมา หรือถ้าคิดว่ามันยังได้อยู่ก็ควรตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน โดยทำความสะอาดกระจกและยางปัดน้ำฝนให้สะอาดก่อน จากนั้นฉีดน้ำแล้วลองปัดดูว่า ใบปัดน้ำฝนสามารถกวาดน้ำบนกระจกหน้าได้เกลี้ยงเกลาหรือไม่
ถ้ามีเส้นของคราบน้ำให้เห็นควรเปลี่ยนใหม่โดยไม่ต้องลังเล และถ้าขณะที่ปัดน้ำฝนทำงานแล้วมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดหรือครืดคราดก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน เพื่อป้องกันกระจกเป็นรอยในภายหลัง
ไม่ควรซื้อแบบที่เปลี่ยนเฉพาะยางปัดอย่างเดียว เพราะจุดยืดระหว่างโครงใบปัดกับก้านปัดน้ำฝนนั้นส่วนมากเป็นพลาสติก เมื่อโดนแดดนาน ๆ จะกรอบแตกได้ง่าย ของถูกเนื้อยางจะแข็งทำให้กระจกเป็นรอยง่าย
เวลาเลือกซื้อต้องดูสภาพของยางปัดด้วยว่า มีรอยแตกลายงาหรือไม่ อย่าไว้ใจว่าเป็นของใหม่แล้วจะสบายใจ เพราะของเก่าเก็บถูกเอามาขายปนกับของดี ๆ ก็มี
ตรวจเช็กหัวฉีดน้ำและถังพักน้ำด้วยเช่นกัน ปัญหานี้มักจะเป็นกับรถอายุเยอะหรือรถที่ไม่ค่อยได้รับการดูแลเอาใจใส่ ลองสังเกตดูการฉีดของน้ำล้างกระจกว่าแรงดีหรือไม่ และฉีดอยู่ในแนวที่สมควรไหม ถ้าหัวฉีดอุดตันให้ใช้เข็มเล็ก ๆ แยงเข้าไปทำความสะอาดและปรับทิศทางให้ไปแนวกึ่งกลางกระจก
ถ้าทำความสะอาดแล้วพบว่าแรงดันน้ำเบาให้ตรวจเช็กว่ามีท่อทางรั่วหรือไม่ รวมทั้งเช็กสภาพถังพักและปั๊มน้ำฉีดกระจกด้วย หากพบว่ามีอุปกรณ์ชำรุดให้เปลี่ยนใหม่ เพราะของพวกนี้ราคาไม่แพง ซึ่งระบบน้ำฉีดกระจกจะช่วยได้มาก กรณีที่กระจกสกปรกมาก ๆ นอกจากนี้ต้องตรวจเช็กการทำงานของระบบไล่ฝ้าว่ายังทำงานตามปกติหรือไม่ ถ้าไม่ให้แก้ไขโดยเร็ว
Tip : คุณสามารถหาซื้อน้ำยาเคลือบกระจกมาใช้เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นได้ เพราะในน้ำยาจะมีสารช่วยลดการเกาะตัวของหยดน้ำบนผิวกระจก
กระจกรถยนต์
วิธีการทำความสะอาดผิวหน้าของกระจก
กระจกหน้ารถเป็นส่วนที่ทำให้ใบปัดน้ำฝนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากเมื่อใช้งานไปนาน ๆ คราบแมลง ยางไม้ ละอองน้ำมันจากบรรดารถเมล์หรือรถบรรทุก ฯลฯ จะติดเป็นคราบแข็งที่ผิวหน้ากระจก ทำให้ผิวหน้าของกระจกขรุขระคล้ายผิวส้ม ก่อให้เกิดเสียงดังเวลาทำงานและรอยคราบเป็นเส้น ๆ
การทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาเช็ดกระจกอย่างเดียวไม่สามารถทำความสะอาดได้หมดจดวิธีทำความสะอาดที่ได้ผลมากที่สุด คือใช้ใบมีดโกนขูดทำความสะอาดผิวหน้ากระจก โดยใช้ใบมีดโกนแบบแบน ๆ มีด้าม ค่อย ๆ ขูดไปบนผิวกระจกโดยตรง โดยทำมุมเอียงประมาณ 30 องศาเหมือนเวลาช่างตัดผมโกนหน้าให้คุณขูดเบา ๆ ใบในทิศทางเดียวกัน ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกดแรง เดี๋ยวกระจกจะเป็นรอย เมื่อขูดจนเกลี้ยงแล้ว ใช้น้ำยาเช็ดกระจกเช็ดซ้ำ แบบนี้จะทำให้กระจกสะอาด ใบปัดน้ำฝนก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ไฟหน้า
การเปลี่ยนไฟหน้าให้สว่างกว่ามาตรฐาน ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยได้ดีเสมอไป โดยเฉพาะแสงสีขาวและสีฟ้า แม้ว่าจะดูสว่างมากขึ้น แต่เมื่อเกิดฝนตก แสงสีขาวและสีฟ้านั้นจะสะท้อนกับละอองฝน ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลงเช่นเดียวกับการขับรถฝ่าหมอก และแทบไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ ยามต้องวิ่งกลางฝนเวลากลางคืน แสงไฟโทนออกเหลืองนั้นจะส่องสว่างได้มากกว่า เพราะมีการสะท้อนแสงน้อยกว่า จึงมีความปลอดภัยมากกว่าในการขับขี่
ทั้งนี้ควรจะเลือกให้เหมาะสม อย่าตามแฟชั่นและต้องศึกษาให้ถี่ถ้วน ส่วนท่านที่ต้องเดินทางในพื้นที่ที่ฝนตกชุกเป็นประจำ แนะนำให้ติดสปอตไลท์สีเหลือง เพราะจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางได้มาก แต่จะต้องปรับตั้งลำแสงให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้กวนสายตาผู้ใช้รถท่านอื่น ๆ
มารยาทของการใช้สปอร์ตไลท์นั้นเมื่อเห็นแสงไฟของรถที่สวนมาต้องปิดทันที เพราะจะทำให้ผู้ขับขี่ที่สวนมานั้นตาพร่าเฉียบพลันซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
รถรุ่นใหม่ ๆ มักจะมีไฟตัดหมอกหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังมีเจ้าของรถจำนวนหนึ่งที่ใช้ไม่ถูกกาลเทศะ เช่นเดียวกับพวกที่ชอบเปิดสปอตไลท์หรือไฟตัดหมอกหน้าในเมืองทั้ง ๆ ที่มีไฟถนนและฝนก็ไม่ได้ตก
กรณีฝนตกหนักควรเปิดไฟตัดหมอกหลัง เพื่อเป็นการแสดงตัว เพราะผู้ที่ขับตามหลังมา จะมองเห็นได้ชัดเจนและไกลกว่า ถ้าไม่มีสามารถซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ และควรติดตั้งเพียงดวงเดียวในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น ใต้กันชนหลังด้านขวา (ด้านเดียวกับผู้ขับขี่) เพราะบ้านเราใช้รถพวงมาลัยขวาและขับชิดซ้าย
การติดตั้งด้านขวาเป็นการบ่งบอกถึงความกว้างของตัวรถได้อีกทางหนึ่งด้วย สามารถใช้ได้ทั้งตอนฝนตกและหมอกลงจัด เมื่อทัศนวิสัยเปิดและมองเห็นได้ชัดเจนก็ควรปิดทันที แม้ทัศนวิสัยแย่มาก ๆ ก็ไม่ควรใช้สัญญาณไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉินอย่างเด็ดขาด
อุปกรณ์จำเป็นสำหรับฤดูฝน
อุปกรณ์กันฝน เช่น ร่ม เสื้อกันฝน แม้กระทั่งหมวกต้องเตรียมเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน และที่ขาดไม่ได้คือไฟฉายที่ควรแยกถ่านเอาไว้ต่างหาก และควรเก็บไว้ในช่องเก็บของหรือหลังเบาะ
อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สเปรย์ไล่ความชื้น กระดาษทิชชู สายลากรถ ผ้าพลาสติกสำหรับปูกันเปื้อน สายพ่วงแบตเตอรี่ต้องมีเอาไว้ ที่ชาร์จแบตฯ มือถือแบบเสียบที่จุดบุหรี่ หรือเพาเวอร์แบงค์ อุปกรณ์เหล่านี้ถ้าเครื่องยนต์ไม่ดับกลางฝนคุณจะไม่นึกถึงความดีและความจำเป็นของมันแน่นอน
อีกอย่างที่พลาดไม่ได้คือเสื้อยืดและผ้าเช็ดตัว เก็บไว้ไม่เสียหาย เพราะหลังจากเปียกคุณคงไม่อยากเข้ามานั่งหนาวหรือเปียกในรถต่อแน่นอน
เมื่อต้องการเดินทางควรตรวจเช็กสภาพอากาศไว้ก่อน ฟังข่าวจราจรหรือพยากรณ์อากาศบ่อย ๆ เมื่อเห็นว่าฝนทำท่าจะตกหนัก ควรหาที่จอดพัก เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร หรือจุดบริการของตำรวจทางหลวง รอให้ทัศนวิสัยดีพอแล้วค่อยเดินทางต่อ
การรอให้ฝนตกสักพักจะช่วยให้น้ำฝนชะล้างดินโคลนบนผิวถนนออกไปได้มาก ถนนก็จะลื่นน้อยลง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกทางหนึ่ง เมื่อฝนตกต้องลดความเร็วลงและใช้การสังเกตให้มากกว่าปกติ เพราะมักจะมีน้ำท่วมขังบริเวณคอสะพาน ด้านเอียงในโค้ง ฯลฯ ต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก เพราะน้ำที่ท่วมขังสามารถทำให้รถเสียหลักได้ง่าย ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องไม่ประมาท และถ้าเลี่ยงการขับขี่เวลาฝนตกหนักได้จะเป็นการดีที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ GM CAR
Vol.18 No.238 พฤษภาคม 2556
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก differ-autoparts.com , siamsubaru.com , weekendhobby.com , srdriving.com เเละ trekkingthai.com
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เปลี่ยนยาง ขณะรถยางแตก ผู้หญิงก็ทำได้
ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญอันดับต้นๆของรถยนต์ ควรหมั่นเช็กสภาพยาง เติมลมยางทุกสัปดาห์ จะได้ไม่เกิดปัญหายางแตกกลางทาง ส่วนมากแล้วผู้ที่ประสบเหตุมักไม่เคยเปลี่ยนยางมาก่อนโดยเฉพาะคุณผู้หญิงแล้วละก็ เป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าคุณจะขับรถใกล้หรือไกล ผู้ขับขี่ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอเรามีขั้นตอนง่ายๆ เปลี่ยนยางรถยนต์ให้ถูกวิธี ไม่ว่าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายก็ทำได้ไม่ยาก
ขั้นตอนเปลี่ยนยางรถยนต์
1.เช็กสภาพยางที่เสียหาย
2.รถเก๋ง เปิดฝากระโปรงท้าย นำยางอะไหล่ใต้พรหมออกมา
3.รถกระบะ ใช้เครื่องมือเฉพาะสำหรับนำยางที่อยู่ใต้ท้องรถด้านหลังออกมา (มีอยู่ในชุดเครื่องมือรถ)
4.คลายน็อตล้อก่อนขึ้นแม่แรง (ปลอดภัยกว่า)
5.ใช้แม่แรงค่อยๆยกรถขึ้น (ระวัง! วางแม่แรงผิด กลับหัวกลับหาง)
6.นำยางเก่าที่เสียหายถอดออก
7.นำยางอะไหล่ที่เตรียมใส่เข้าไป
8.ขันน็อตล้อกลับเข้าที่เดิมให้แน่นที่สุด
9.เก็บเครื่องมือ , แค่นี้ก็เรียบร้อย
การเกิดปัญหา ยางรั่ว ยางแตก เกิดได้ด้วยหลายปัจจัยแต่ที่สำคัญมักเกิดจากการปล่อยปละละเลย ไม่เช็กสภาพยาง เมื่อถูกใช้งานก็ย่อมสึกหรอไปตามระยะทางและระยะเวลา การดูแลรักษายางรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นมีวิธีที่ถูกต้อง ดังนี้
วิธีดูแลสภาพยางรถยนต์
1.เติมลมยางอย่างสม่ำเสมอ
2.สลับยาง ระหว่างคู่หน้า – หลัง (เพื่อการสึกหรอที่เท่ากัน)
3.ถ่วงล้อ (เพื่อกระจายน้ำหนักที่ถูกต้อง)
4.ตั้งศูนย์ล้อทุกครั้งที่เปลี่ยนยาง
5.ใช้ยางรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ
ไม่เพียงเท่านี้ผู้ใช้รถ ผู้หญิงหรือผู้ชาย นิสัยการขับขี่ส่วนบุคลลก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ ยางสึกหรอ ยางรั่ว ยางแตก เช่น ออกรถ-หยุดรถอย่างรุนแรง ขับเบียดฟุตบาท ตกหลุม หักเลี้ยวอย่างรุนแรงกระทันหันบ่อยๆ หากทำตามคำแนะนำ ดังที่กล่าวมา จะลดปัญหา ยางแตก กลางทางได้ และหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา ก็สามารถเปลี่ยนยางด้วยตัวคุณได้ไม่ยากอย่างที่คิด...จบปิ๊ง
http://auto.sanook.com/53597/
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host