Worapong

โดยปกติระบบหล่อเย็นของรถยนต์ จะเป็นระบบปิด และทำงานภายใต้แรงดัน ดังนั้น ถ้าน้ำขาดหายแสดงว่าทีการรั่วไหลออกจากระบบ ไม่ที่ใดก็ที่หนึ่ง มันไม่ได้เกี่ยวกับความร้อนที่เพิ่มขึ้นเลย จริงอยู่ความร้อนจากห้องเผาไหม้ที่เกิดจากแก๊สอาจจะมากกว่าแต่มันมีผลทำให้น้ำเดือดและระบายออกอย่างที่โต้แย้งกันหรือเปล่า และก็โทษว่าเพราะติดแก๊ส เครื่องมันเลยมันร้อนขึ้น

ผมขอตั้งคำถามง่ายๆว่า รถทุกคันที่ติดแก๊สมา ถ้าระบบน้ำหล่อเย็นไม่รั่ว มีคันไหนบ้างที่หลังติดแก๊สแล้วเข็มความร้อนขึ้นมากกว่าปกติจนน่าใจหาย ถ้ามีแสดงว่าผลของความร้อนจากห้องเผาไหม้มีผลต่อการระบายความร้อนอย่างมีนัยสำคัญ คงต้องทำอะไรบ้างกับระบบความร้อนเพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้ และมีคันไหนบ้างที่ได้เปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ให้ใหญ่ขึ้นเพื่อแก้ปัญหาความร้อนไหม ส่วนใหญ่ก็ใช้หม้อน้ำเดิมใช่หรือไม่ มีคันไหนบ้างที่เปลี่ยนปั๊มและท่อน้ำระบายความร้อนใหม่ให้ดีขึ้น มิหนำซ้ำยังไปต่อท่อน้ำเพื่อดึงเอาน้ำมาระบายความร้อนให้แก่หม้อต้มอีก ผมเองก็ใช้ LPG ทั้ง 2 คัน เข็มความร้อนและน้ำหายไม่มีเลย ทั้งๆที่รถก็วิ่งมาแล้วไม่ต่ำกว่า 100,000 km แต่ที่หลายๆคันมีปัญหา ก็เพราะการประกอบและดัดแปลงไม่ดี หรือไม่ได้ตรวจสอบให้ดีก่อนปล่อยรถสู่ลูกค้า หรือลูกค้าเองไม่ได้ตรวจสอบหลังจากใช้งาน อาจจะมีการรั่วซึมมากว่าและปล่อยให้มันเนิ่นนานกว่าจะรู้ก็อาจสายเกินไปหรือบางคันน้ำขาดจนฝาสูบโก่งเลยก็มี เมื่อน้ำขาดหายไปเรื่องของความร้อนก็ตามมา ดังนั้นหามันให้เจอครับ และระบบหล่อเย็น thermostat จะเปิดที่ 80 องศาเซลเซียส และหม้อน้ำส่วนใหญ่ก็ออกแบบมาที่ operating temp 0- 125 องศาเซลเซียสและระบายแรงดันที่ 9-15 psi กันทั้งนั้น นั่นหมายความว่าถ้าน้ำในหม้อน้ำร้อนขึ้นและมีความดันเกินกว่า 15 psi (103.42 Kpa) น้ำจะเดือดที่ 103 องศาเซลเซียส และฝาหม้อน้ำก็จะทำหน้าที่ระบายแรงดันที่เกินนี้ออกไปที่หม้อพัก เห็นไหมครับว่าน้ำในหม้อน้ำมันมันไม่ได้ร้อนอย่างที่เราคาดเอาหรอกและก็ไม่ได้เกี่ยวกับอุณหภูมิที่จุดระเบิดเลย

อ้างอิงอธิบายการทำงานของฝาหม้อน้ำเพื่อความคุมแรงดันและอุณหภูมิน้ำ


ตารางอุณหภูมิและความดันของน้ำ ดูว่าที่ความดัน 15 psi (103.42 kpa) น้ำจะเดือดที่อุณหภูมิประมาณ 103 องศา C

Worapong

อ้างอิง text book Automotive Tech. - halderman ระบุว่าอุณหภูมิห้องเผาไหม้โดยเฉลี่ยสูงถึง 650 - 925 C ซึ่งสูงกว่าที่คุณพูดถึงกันอยู่หรือที่บอกว่าการใช้ LPG นั้นมีอุณหภูมิค่อนข้างสูงกว่าน้ำมัน

Worapong

แต่เข็มความร้อนจะโชว์ไฟเตือนเมื่อ อุณหภูมิประมาณ 120 -126 C ซึ่งก็อาจจะเทียบไม่ได้เลยกับอุณหภูมิเผาไหม้

Worapong

อันนี้แสดงอุณหภูมิสูงสุดที่ออกแบบในระบบระบายความร้อน โดยฝาหม้อน้ำจะทำงานเมื่อถึงความดันที่กำหนด คือ 15 psis ซึ่งน้ำธรรมดาจะเดือดที่ 103 C แต่ถ้าน้ำนั้นผสมน้ำยาหม้อน้ำเข้าไปด้วยมันก็จะเพิ่มอุณหภูมิการเดือดของน้ำได้อีก ในที่นี้ ระบุไว้ที่ 125 C ซึ่งเป็นอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์สูงสุด เพราะถ้ามัน hit ที่ 125 C ไฟเตือนความร้อนก็จะโชว์ให้เราเห็น

Worapong

อันนี้เป็นมาตรฐานของฝาหม้อน้ำที่มีผลิต ถ้าเลือกใช้ rating สูงสุดคือ 16 psi น้ำก็จะเดือดยากขึ้นไปอีกเล็กน้อย

Worapong

จากทั้งหมดที่กล่าวมาจะเห็นว่ามันไม่ได้เกี่ยวเลยครับว่าใช้แก๊สแล้วระบบหล่อเย็นจะมีปัญหา ซึ่งจากข้อมูลที่เอามาแสดงจะเห็นได้ว่าจุดที่น้ำสามรถออกได้ ก็คือที่ฝาหม้อน้ำ แต่มันทำงานตามอุณหภูมิและความดันที่ตั้งค่าไว้ ซึ่งหม้อน้ำทั้งหมดในโลกเป็นแบบนี้หมด ดังนั้น ถ้าน้ำมันหาย มันก็ต้องหายจากจุดอื่นถ้าหม้อน้ำไม่มีปัญหา อยู่ที่ว่าคุณจะหาเจอหรือไม่ และไม่ว่ารถจะใช้ น้ำมัน หรือแก๊ส ก็ไม่เคยเห็นหรือจำเป็นต้องเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่หรือออกแบบหม้อน้ำ และคงไม่มีอู่ไหนที่ติดแก๊สแล้วต้องเปลี่ยนหม้อน้ำใหม่ เพราะเหตุผลดังที่อธิบายไว้ข้างต้น สุดท้าย ถ้าไม่เชื่อลองไปเช็ค หม้อน้ำกับฝาหม้อน้ำ ดูพัดลม ท่อทางเดินดูซิครับระหว่าง new city CNG กับ new city ธรรมดาดูซิครับว่ามันออกแบบต่างกันไหม จะได้เข้าใจ และจะได้ไม่โดนอู่ปัดความรับผิดชอบและชอบโทษแก๊ส

Worapong

ใช่ครับ  ส่วนใหญ่จะรั่วเพราะต่อหม้อต้ม แต่เราไม่รู้

Worapong

ฝาหม้อน้ำ city ระบุ  1.1(107.9  kpa)    ยังไงอุณหภูมิก็ไม่เกิน 110 แน่นอนฝาหม้อก็จะเปิดก่อน ถ้าไม่เปิดไฟความร้อนจะโชว์