"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26/3/2013 14:04 โดย Ball_Korat

ถ้าผมจำได้ รู้สึกจะมีท่านนึง ไปที่เดียวกับท่านแล้วไม่จบเรื่องสะดุด แล้วไปแก้ต่อที่ อู่พลภัทร สาย 3 ผมเคยเห็นคุณเข้าไปติดตามกระทู้นี้ด้วยรึเปล่าครับที่ไปถามที่ตั้งอู่เฮียก่ำครับ ลองดูนะครับผม  เด๋วผมแนบลิงค์ให้ อาการคล้ายๆกัน

http://www.hondacityclub.com/boa ... page%3D1&page=2

แถมด้วย เบอร์โทร แผนที่ และรายละเอียดของอู่ครับ ..เอาใจช่วยครับ..หายไวๆนะครับ

http://www.hondajazz-club.com/smf/index.php?topic=199278.0
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ส่วนเรื่องบุหลังคาเนี่ย  ก็เห็นผลนะครับ เท่าที่ผมลองทำดู  ของผมซื้อที่โฮมโปรครับ มีตั้งแต่ประมาณ 300 บาท ขึ้นไปครับ วิธีถอดบุหลังคา ผมหาในยูทูบครับ ใช้เวลาทำครึ่งวัน เพราะเราทำไม่เป็นครับ ประกอบกับกลัวงัดหมุดยึดหักด้วยครับ ค่อยๆทำเอา ผมเคยลองโทรสอบถามร้านในห้องซื้อขาย ถ้าทำใน กทม 600 บาทครับ ใช้เวลา 1 ชั่วโมงครับ ฉนวนบุหลังคาใช้ได้สองแบบครับ 5mm  กับ 10mm ผมซื้อ 5 เพราะกลัวจะยัดไม่ได้ครับ ปรากฏว่าถอดออกมาแล้ว มันไม่มีช่องว่างที่จะสอดเข้าไปได้ครับ เพราะตรงช่องว่างระหว่างหลังคากับโครงรถผม มีโฟมเทเอาไว้ครับ เลยไม่อยากไปเลาะออก ใช้วิธีการปูทับบนบุหลังคาเดิมเลยครับ เจาะรูให้ไฟเพดานผ่านเอา เวลาบุเอาด้านฟรอยด์ลงล่างนะครับ มันจะเป็นส่วนที่สะท้อนความร้อนถ้าเอาขึ้นสีหลังคาจะไปเร็วครับ ด้านโฟมเป็นตัวซับเสียง เอาขึ้นบนครับ จะว่าง่ายก็ง่ายถ้าได้เคยทำสักครั้งแล้ว ตอนยังไม่เป็นนี่หาวิธีถอดยากครับ งง กลัวเสียด้วย ฉนวนหุ้มม้วนนึงทำได้ประมาณ 8 คัน เหลือบานเลยครับ คิดอีกที  ไปร้านน่าจะสะดวกเร็ว และรถไม่ช้ำครับ..ส่วนทำเองก็ได้ความภูมิใจครับผม ได้เห็นรถเราในส่วนที่ไม่เคยเห็นด้วยครับ..ลองดูครับผม  หลังทำจอดตากแดด ร้อนช้าลงครับ ในครึ่งชั่วโมงนี่ยังไม่ค่อยร้อนเลยครับ ไปพัทยามาจอดริมทะเล ขึ้นมาไม่เป็นเตาอบเหมือนเมื่อก่อนครับ ร้อนในระดับทนได้ อุ่นๆ เหมือนแช่อ่างน้ำอุ่นครับ แอร์เย็นไวขึ้น กลางวันแดดจัดๆ แอร์ยังฉ่ำ กลางคืนหนาวครับ ส่วนประตูผมว่าไม่น่ามีผลเท่าหลังคานะ ส่วนมากบุกันเพื่อเก็บเสียงจากภายนอกให้เงียบขึ้น ฟังเพลงเพราะขึ้น พวกยางขอบประตู ยางลดเสียงจากด้านนอก จะช่วยได้มากกว่านะครับ (รถผมบุแต่หลังคา แล้วจัดฟิล์มดีๆสักชุด เน้นกันร้อน ไม่กันเสียงครับ) ถ้าจัดเต็มทั้งคัน ต้องบุพื้นรถ ซุ้มล้อ ผนังฝั่งห้องเครื่อง หลังคา ประตู หลายพันอยู่ อย่าเรียกว่าเงียบเลยครับ มันสงัด..วังเวงเลยทีเดียว..555+ (แผ่นแดมป์ดีๆทั้งคันประมาณ 20,000 ส่วนการพ่นเคลือบคล้ายเคลือบกันสนิมแต่เป็นเก็บเสียงจากภายนอกครับในคลับซีวิคเห็นมีราคาประมาณหลักพันครับ ไม่เกินครึ่งหมื่น..แล้วแต่คนชอบครับ) รถผมเครื่องเสียงแค่ชุดกลางๆครับ..เลยไม่ได้ทำอะไรมากมาย
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รถรุ่นใหม่ๆ จะมีคอมพิวเตอร์เข้ามาควบคุมระบบต่างๆมากขึ้นครับ หลังปี 2000 จะมีระบบที่เรัยกว่า OBD เพิ่มขึ้นมาครับ ซึ่งปัจจุบันไปจนถึง OBD III แล้วครับผม พูดง่ายๆก็เหมือนแรมคอมพิวเตอร์ครับ ฉลาดระดับ 32 Bit  64 Bit  128 Bit  มันก็จะทำงานได้ดีขึ้นเรื่อยๆ  รุ่นเราเป็น OBD I ครับ พอร์ทจะอยู่ใต้พวงมาลัย แถวๆนั้นครับ  คล้ายๆ พอร์ทหลังคอมพิวเตอร์ครับ การทำงานของมันก็เอาเครื่องเช็คโค๊ดมาเสียบ มันก็จะฟ้องว่า จุดไหนเสียครับ เอารหัสที่ได้มาไปเทียบกับคู่มือในการอ่านว่ามันฟ้องอะไรครับ เหมือนการซ่อมคอมพิวเตอร์ครับผม

ส่วนตัวที่จะเป็นตัวฟ้องให้ก็คือเซ็นเซอร์ทั้งหลายแหล่ที่อยู่ภายในตัวรถครับ เช่น O2 ที่ถามมาคือ เซ็นเซอร์ วัดค่าออกซิเจน มีตั้งแต่ กรองอากาศ  ท่อไอเสียใบกลาง ด้านหน้า 1 ตัว ด้านหลัง 1 ตัว เพื่อวัดว่าอากาศปกติมั้ย ผสมกับน้ำมัน จุดระเบิดออกมาปกติมั้ย  หากมีอาการผิดปกติก็จะขึ้นไฟสีเหลืองรูปเครืื่องยนต์บนหน้าปัด (บางท่านเรียกว่า ไฟเอนจิ้นโชว์) ก็ต้องไปเช็คโค๊ดนี่ล่ะครับ ว่ามันเสียตรงไหน แทนที่จะไปรื้อแบบงมโข่งหา ส่วนจะเจอหรือไม่ อยู่ที่ว่ารถคันนั้นมีเซ็นเซอร์มากขนาดไหนครับ  กี่จุด รถยิ่งแพงยิ่งมากครับ ตัวนึงของใหม่ๆ ถูกๆ ก็เกือบสองพันครับ ในรถเราน่าจะมีประมาณ สามตัวนะครับที่เคยเห็น กรองอากาศ(ตรงนี้พวกติดแก๊สระบบดูดเจอกันประจำ เพราะมันอ่านว่าออกซิเจนผิดปกติ หรือที่เรียกว่าแอร์โฟลว Air Flow รถรุ่นแรกๆที่มีเซ็นเซอร์ แอร์โฟลวนี่ล่ะครับจุดแรก ก่อนพวก O2 จะมา)  แคตตาไลติก(ท่อใบกลางเล็กๆใต้ที่นั่งคนขับครับ) และหลังแคตมาท่อใบหลัง (หน้าแคต ตัวนึง หลัง ตัวนึงครับ)  อาจจะมีมากกว่านั้น  เช่นเซ็นเซอร์เกียร์ที่ผมบอกว่า รีเนียร์เสีย ตัว D บนหน้าปัดสีเขียวจะกระพริบสี่ครั้งต่อเนื่องไปเรื่อยๆล่ะครับ หากเป็นรถสมัยก่อนก็ฟังเสียงผิดปกติแล้วไปซ่อมเอาครับ อุปกรณ์พวกนี้มาช่วยดูแลรถ ช่วยอำนวยความสะดวก แลกกับค่าบำรุงรักษาที่สูงขึ้นครับผม  แต่ซ่อมน้อยลง เพราะไม่รอจนอาการหนักครับ

ปล.วิธีการที่ถูกเมื่อมีไฟเอนจิ้นขึ้นหน้าปัด คือหาจุดที่เสีย ไม่ใช่หาวิธีลบโค๊ดนะครับ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

สีดำเป็นโซลินอยล์วาล์วคับผม จิงๆ ทั้งชุดมันก็คือชุดโซลินอยล์วาล์ว หรือวาล์วน้ำมันเกียร์ล่ะคับ  ทีนี้โซลินอยล์วาล์วเนี่ยทั้งรถมันมีหลายจุดครับ พอเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมที่เป็นของเกียร์ ก็เลยเรียกเป็น รีเนียร์เกียร์ครับผม เพื่อระบุตัวตนให้ชัดเจนเวลาเบิกอะไหล่ มันก็จะเขียนว่าโซลินอยวาล์วล่ะครับ แต่บอกรีเนียร์เกียร์ร้านอะไหล่จะรู้เลยว่าเป็นชิ้นไหนครับผม เวลาเทสก็เอาไฟ 12V จี้ตรงแท่งดำๆนั่นล่ะครับ มันจะ ติ๊กๆ เหมือนรีเลย์ ปั๊มน้ำตามบ้านอ่ะครับ คือมันเปิดปิด แล้วก็ไปเช็คภายในอีกทีว่าเปิดปิดสุดมั้ย สปริงล้าหรือยังครับผม  สรุปว่าทั้งอันนี้ เรียกว่า รีเนียร์เกียร์ หรือโซลินอยเกียร์ โซลินอยวาล์ว กล่องเกียร์ กล่องสมองกล กล่องควบคุมเกียร์ ตัวเดียวกันครับผม
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

http://www.hondacityclub.com/boa ... &extra=page%3D1

กระทู้นี้เลยคับผม
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

หายไปเยอะมั้ยครับ  ลองเช็ครั่วก่อนนะครับ พวกหม้อน้ำ ท่อยาง จุดเชื่อมต่อต่างๆ ติดแก๊สเช็คสายที่เอาน้ำไปหม้อต้มด้วยครับ กิ๊บล็อคสนิทมั้ย สายแข็งมั้ย กรอบ บีบไม่เข้า เปลี่ยนครับ  มีคราบน้ำยาติดตามหม้อน้ำหรือไม่ เข้าร้านก็ได้ครับ ถ้าไม่พบค่อยเปิดฝาเช็คประเก็นฝาสูบครับ อีกอย่างสังเกตุเวลาติดเครื่องมีควันสีอะไร มีไอน้ำออกท่อไอเสียหรือไม่ครับ ฝาหม้อน้ำเปิดมาดูครับ ซีลยางมีฉีกขาดมั้ยหลายปีแล้วเปลี่ยนเลยครับ ร้อยกว่าบาท เอาค่าเท่าเดิมนะครับ อย่าไปเพิ่มค่า ผมจำไม่ได้ว่า 0.9-1.1 นี่ล่ะคับ

เอาเป็ยว่าตามนี้นะครับ เช็คฝาหม้อน้ำก่อนเลยครับ ลองไล่ลมด้วยนะครับ เอาน้ำใส่ขวดน้เล็กที่เราซื้อกินนี่ละคับ เต็มขวด คว่ำหน้าลงรูหม้อน้ำครับ ติดเครื่องเร่งๆผ่อนๆจะมีฟองอากาศจากหม้อน้ำเข้าไปในขวด ดูว่าน้ำขาดไปมากมั้ย หากไม่มี ไม่น่ารั่วตรงหม้อน้ำครับ  เช็ครั่วท่อน้ำและจุดต่างๆ  ดูที่ท่อไอเสีย ตอนติดเครื่องใหม่ๆจะมีไอน้ำบ้างจากอากาศเย็นสักพักจะหายไปครับ ถ้าไม่หายน้ำน่าจะเข้า ส่วนมากจะปะเก็นฝาสูบรั่วครับ หรือฝาโก่ง น้ำเลยไหลย้อนเข้าเครื่องได้
น้ำยาใช้ของเดิมศูนย์ครับ ประมาณ 500 บาท ไม่ต้องผสม เติมลงไปเลย ใช้นานเป็นแสนโลครับ สีฟ้าๆ  หม้อน้ำรุ่นนี้เป็นฝาบนล่างไฟเบอร์นะครับ ถ้าหลายปีแล้ว เปลี่ยนครับ อาจจะแตก รั่วได้ครับ บางทีมันเป็นซึมๆออกตรงรอยต่อระหว่างฝาไฟเบอร์กับตัวหม้อโลหะครับ  จะใช้ของเดิม ของเทียบก็ได้ครับ หรือจะเปลี่ยนเป็น ทองเหลือง ทองแดงก็ตามแต่สะดวกและงบประมาณครับ  ข้อดี  ของเดิม เบากว่า ระบายความร้อนตามสเปค ข้อเสีย มีอายุการใช้งาน แตกได้ รั่วตรงไฟเบอร์แล้วซ่อมไม่ได้   ข้อดี ทองเหลือง ทองแดง  รั่วแล้วซ่อมได้ อายุการใช้งานมากกว่านิดหน่อย  ข้อเสีย น้ำหนักมากกว่าแบบแรก  หน้ารถอาจจะต่ำลงนิดนึง(นิดเดียวครับ)

ผมเคยเป็นไล่ไปเยอะครับ สรุปซีลฝาหม้อน้ำขาดไปนิดนึง น้ำรั่วออก  เปลี่ยนฝาประมาณ 130 บาท ไล่ซะแทบเปลี่ยนหม้อน้ำ สองเดือนต่อมา กลับบ้าน ควันขึ้น ปรากฏฝาไฟเบอร์แตกครับ อิอิ อายุการใช้งานประมาณ 5-7 ปี ในการใช้งานปกติครับ ความร้อนสูง วิ่งยาว อัดหนัก ก็อาจจะ 3-5 ปีครับ..เอาใจช่วยครับ ขอให้ไม่เป็นไรมาก อื่นๆรอผู้รู้มาตอบนะครับ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ผมอยากให้ไล่เช็คเองก่อนนะจะได้ไม่ไปเสียตัง
เริ่มจาก เปิดดูฝาหม้อน้ำ
ไล่ลมหม้อน้ำ  ดูท่อยางต่างๆ อันนี้อาจต้องเข้าอู่ถ้ายังไม่เห็นคราบสีฟ้าๆ สีเดียวกะน้ำยาหม้อน้ำเดิมครับ (ของท่านสีอะไรเอ่ย)
ดูท่อไอเสียครับ
สามจุดนี้น่าจะทราบอาการคร่าวๆละครับ

ปล.เวลาไล่ลมเอาขวดน้ำคว่ำใส่แล้ว ปิดฝากระโปรงหนีบไว้ครับทับบนขวดเลย แล้วติดเครื่องครับ..หายไวๆนะครับ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

จิงๆเราดูเองก็ได้ครับ ถ้าไม่สะดวกก็เข้าร้านครับ ให้ร้านแก๊สหรือร้านหม้อน้ำก็ได้ครับดูให้ ที่ว่าหม้อต้มร้อนก็จากหม้อน้ำนี่ละคับ เอาน้ำร้อนไปอุ่นหม้อต้ม มีสองสาย ไปกลับ ถ้าน้ำหายจากระบบ ผมจะดูตรงนี้ก่อน เพราะเป็นส่วนที่ต่อเพิ่ม กิ๊บอาจไม่แน่นสายรั่ว แต่อาทิตย์แรกของการติดแก๊สน้ำหายแน่ๆครับ เพราะมันต้องมาเลี้ยงหม้อต้ม เติมเพิ่มนิดหน่อย หลังจากนั้นจะไม่หายครับ เพราะแก๊สมันเย็นจัดครับ หม้อต้มเป็นน้ำแข็งเลย ต้องใช้น้ำร้อนไปอุ่น เป็นเหตุผลว่าทำไมต้องรอเครื่องร้อนจึงตัดแก๊สได้ ท่อน้ำนี้ราคาไม่แพงครับ สักสองสามปีเปลี่ยนทีก็ได้ครับพร้อมสายแก๊สตัวใหญ่ที่ไปหัวฉีดครับ เพื่อความปลอดภัย

อาการสะดุด ลองเช็คกรองแก๊สยังคับ มีสองตัวที่หม้อต้ม กับที่จะไปหัวฉีดลูกใหญ่ๆนั้น ผมเปลี่ยนทุก 10,000 โลเลยครับ สองร้อยห้าสิบบาท เท่ากรองอากาศ ส่วนที่หม้อต้มราคาเท่ากัน แต่เปลี่ยนเองไม่ได้เลยใช้นานหน่อยครับเข้าเช็ครั่ว เช็คประจำปีทีค่อยเปลี่ยน อีกอาการคือตัดปั๊มติ๊กครับ เวลาเปลี่ยนสลับแก๊สน้ำมันจะไม่ลื่น สะอึกบ้าง ของผมไม่ได้ตัดครับ ส่วนไอน้ำถ้าวิ่งมาเครื่องร้อนแล้วถอยเข้ากะแพงเร่งใส่ดูเลยครับ ถ้าน้ำออกเข้าเครื่องแน่ๆ ถ้าไม่มีสบายใจไปครับ ถ้าระบบน้ำมันเราปกติ เข้าร้านแก๊สให้เค้าเช็คเลยครับ เพราะเป็นเฉพาะระบบแก๊ส อาการสะดุดเนี่ย  หม้อต้มมีอายุการใช้งานนะครับ อาจจะเสื่อมได้เหมือนกันครับผม ประมาณแสนโลขึ้นไปแล้วแต่จะออกอาการเมื่อไหร่ครับ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ระบบแก๊สไม่ต้องกดเปิดปิดนะครับออโต้  เปิดไว้เลยครับ สตราทจะต้องเป็นน้ำมันครับ ตอนที่ไฟกระพริบ ช้าๆ  พอไฟกระพริบถี่ๆ คือพร้อมทำงานแล้วเร่งเครื่อง หรือกดปุ่มหนึ่งครั้ง ไฟจะติดค้างคือเป็นการใช้แก๊สแล้วครับ ลองดูครับ ติดเครื่อง รอไฟกระพริบถี่ กดตัดเป็นแก๊ส ถ้าดับ เข้าร้านแก๊สเลยครับ  เพราะ หัวเทียน คอล์ย กรองแก๊ส น่าจะเปลี่ยนมาหมดแล้วใช่มั้ยครับ ปัญหาน่าจะอยู่ที่ระบบแก๊สครับสันนิษฐานว่า ไม่ตัน ก็อุณหภูมิไม่ได้ ประมาณนั้นคับ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รอบเครื่องเป็นยังไงบ้างครับ เท่าที่ฟังดูอาการแปลกๆครับ ลองระบบน้ำมันอย่างเดียวก่อนนะครับ ติดเครื่อง เครื่องร้อน รอบอยู่ที่เท่าไหร่ ใส่เกียร์ R D ดับมั้ย เปิด AC รอบเครื่องอยู่ที่เท่าไหร่ ใส่เกียร์ R D อาการเป็นอย่างไร ฟังดูคล้ายๆรอบเครื่องต่ำๆไปครับ พอเปิด AC ตัวชดเชยรอบทำงาน ก็เลยหายครับ รอบสูงขึ้น ลิ้นปีกผีเสื้อ ตัวชดเชยรอบน่าจะล้างมาแล้วจากครั้งก่อนใช่มั้ยครับ  EGR เคยเสียรึยังครับ เคยลองถอดปลั๊กมั้ย ถ้าหาย ก็น่าจะ EGR ครับ ลองดูก่อนนะครับ

ปล.สวิทซ์แก๊สนี่ผมงงมากเลยครับ พอกระพริบถี่มันตัดเข้าแก๊สเองเลยเหรอครับ หรือต้องเร่งเครื่องก่อน  ของรถผมตั้งอุณหภูมิ 40 องศา และรอบ 2000 ครับ ถ้าไม่ได้ทั้งสองอย่างไม่ตัดเข้าแก๊สครับ กระพริบถี่ไปยั่งงั้น หรือกดปุ่มแก๊สครั้งนึง ไฟจะติดนิ่ง คือเข้าแก๊สครับ กดอีกครั้ง ไฟดับ กลับเป็นน้ำมันครับ กดครั้งที่สามก็กลับมากระพริบเป็นรอเข้าแก๊สครับ ลองเปิดกุญแจ แล้วกดปุ่มก่อนสตราทครับ ไฟจะติดกระพริบช้าๆมั้ย พออุ่นแล้วค่อยกระพริบถี่ แล้วกดเข้าแก๊สอีกครั้ง ถ้าไม่ได้คงไม่เหมือนกันล่ะครับ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host