"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
ง่ายจริง ! ล้างหม้อน้ำรถยนต์ด้วยตัวเอง
หม้อน้ำเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ โดยมีหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อน ทำให้รถยนต์สามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่นและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น ทั้งนี้ หม้อน้ำก็จำเป็นจะต้องทำความสะอาดเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์
วิธีการตรวจสอบสภาพหม้อน้ำเบื้องต้น ให้บีบท่อยางยางน้ำ ถ้าพบว่าแข็งกว่าปกติ ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำความสะอาดกันแล้ว กระปุกคาร์จึงขอแนะนำวิธีการทำความสะอาดหม้อน้ำรถยนต์ที่คุณสามารถทำเองได้มาฝากกันครับ
อุปกรณ์
1. น้ำยาล้างหม้อน้ำ (หาซื้อได้ที่ห้างสรรสินค้าทั่วไป)
2. สายยางฉีดน้ำ
3. ถุงมือกันน้ำ
4. แปรงล้างขวด (ล้างหม้อพักน้ำ)
5. น้ำสบู่
6. แว่นตานิรภัย (กันน้ำกระเด็นเข้าตา)
7. ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งเก็บน้ำยาหล่อเย็นเก่า
8. ผ้าขี้ริ้ว
9. คีมและไขควง (สำหรับไขปลดหม้อพักน้ำและท่อยาง)
ขั้นตอนที่ 1
หลังจากปล่อยให้เครื่องยนต์และสารหล่อเย็นคลายความร้อนแล้ว เปิดกระโปรงหน้ารถเพื่อเปิดฝาหม้อน้ำและมุดลงใต้ท้องรถเพื่อเปิดหางปลาใต้หม้อน้ำออก ถ่ายเอาน้ำเดิมออกจนหมด โดยควรนำภาชนะมารองน้ำด้วยเนื่องจากสารหล่อเย็นมีพิษแถมมีกลิ่นหอมเรียกแมลงได้ จึงควรต้องกำจัดให้ถูกวิธี เมื่อน้ำในหม้อน้ำออกจนหมดแล้วก็ให้ปิดหางปลาหลวม ๆ ไว้
ขั้นตอนที่ 2
เริ่มทำความสะอาดด้านในหม้อน้ำด้วยเติมน้ำยาล้างหม้อน้ำและน้ำสะอาดลงไปในหม้อน้ำ แล้วจึงติดเครื่องยนต์เพื่อให้น้ำเข้าไปทำความสะอาดในระบบประมาณ 5-10 นาที
ขั้นตอนที่ 3
รอจนเครื่องยนต์เย็นลงแล้วปล่อยน้ำออกมาจากหม้อน้ำ จากนั้นเติมน้ำสะอาดและติดเครื่องอีกครั้ง ทำซ้ำสัก 2 รอบ จนกว่าน้ำที่ออกมาจะใส ไม่มีสีและคราบใด ๆ หลุดออกมา
ขั้นตอนที่ 4
เมื่อหม้อน้ำสะอาดแล้ว ให้ถอดหม้อพักน้ำและท่อยางมาทำความสะอาดด้านในให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 5
ติดตั้งหม้อพักน้ำและท่อน้ำเข้าที่ จากนั้นเติมน้ำยาหล่อเย็นผสมน้ำกลั่นในอัตราส่วนที่เหมาะสมจนเต็ม โดยน้ำยาหล่อเย็นจะช่วยถ่ายเทความร้อนของเครื่องได้ดีกว่าน้ำปรกติ ส่วนน้ำกลั่นจะทำให้หม้อน้ำเกิดตะกรันยาก
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับวิธีการล้างหม้อน้ำรถยนต์ที่เรานำเสนอไปในวันนี้ นอกจากจะง่ายและช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ที่คุณรักแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการใช้บริการล้างหม้อน้ำ แต่หากทำบ่อยก็ไม่จำเป้นต้องใส่น้ำยาทุกครั้งเพราะอาจทำให้หม้อน้ำผุเร็ว ทั้งนี้คุณควรล้างหม้อน้ำประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง เพื่อให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพ แต่อย่าลืมกำจัดสารเคมีอันตรายอย่างน้ำยาหล่อเย็นให้เรียบร้อยด้วยด้วยนะครับ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoparts101.com และ pelicanparts.com
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ง่ายจริง ! ล้างหม้อน้ำรถยนต์ด้วยตัวเอง
หม้อน้ำเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ โดยมีหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อน ทำให้รถยนต์สามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่นและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น ทั้งนี้ หม้อน้ำก็จำเป็นจะต้องทำความสะอาดเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์
วิธีการตรวจสอบสภาพหม้อน้ำเบื้องต้น ให้บีบท่อยางยางน้ำ ถ้าพบว่าแข็งกว่าปกติ ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำความสะอาดกันแล้ว กระปุกคาร์จึงขอแนะนำวิธีการทำความสะอาดหม้อน้ำรถยนต์ที่คุณสามารถทำเองได้มาฝากกันครับ
อุปกรณ์
1. น้ำยาล้างหม้อน้ำ (หาซื้อได้ที่ห้างสรรสินค้าทั่วไป)
2. สายยางฉีดน้ำ
3. ถุงมือกันน้ำ
4. แปรงล้างขวด (ล้างหม้อพักน้ำ)
5. น้ำสบู่
6. แว่นตานิรภัย (กันน้ำกระเด็นเข้าตา)
7. ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งเก็บน้ำยาหล่อเย็นเก่า
8. ผ้าขี้ริ้ว
9. คีมและไขควง (สำหรับไขปลดหม้อพักน้ำและท่อยาง)
ขั้นตอนที่ 1
หลังจากปล่อยให้เครื่องยนต์และสารหล่อเย็นคลายความร้อนแล้ว เปิดกระโปรงหน้ารถเพื่อเปิดฝาหม้อน้ำและมุดลงใต้ท้องรถเพื่อเปิดหางปลาใต้หม้อน้ำออก ถ่ายเอาน้ำเดิมออกจนหมด โดยควรนำภาชนะมารองน้ำด้วยเนื่องจากสารหล่อเย็นมีพิษแถมมีกลิ่นหอมเรียกแมลงได้ จึงควรต้องกำจัดให้ถูกวิธี เมื่อน้ำในหม้อน้ำออกจนหมดแล้วก็ให้ปิดหางปลาหลวม ๆ ไว้
ขั้นตอนที่ 2
เริ่มทำความสะอาดด้านในหม้อน้ำด้วยเติมน้ำยาล้างหม้อน้ำและน้ำสะอาดลงไปในหม้อน้ำ แล้วจึงติดเครื่องยนต์เพื่อให้น้ำเข้าไปทำความสะอาดในระบบประมาณ 5-10 นาที
ขั้นตอนที่ 3
รอจนเครื่องยนต์เย็นลงแล้วปล่อยน้ำออกมาจากหม้อน้ำ จากนั้นเติมน้ำสะอาดและติดเครื่องอีกครั้ง ทำซ้ำสัก 2 รอบ จนกว่าน้ำที่ออกมาจะใส ไม่มีสีและคราบใด ๆ หลุดออกมา
ขั้นตอนที่ 4
เมื่อหม้อน้ำสะอาดแล้ว ให้ถอดหม้อพักน้ำและท่อยางมาทำความสะอาดด้านในให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 5
ติดตั้งหม้อพักน้ำและท่อน้ำเข้าที่ จากนั้นเติมน้ำยาหล่อเย็นผสมน้ำกลั่นในอัตราส่วนที่เหมาะสมจนเต็ม โดยน้ำยาหล่อเย็นจะช่วยถ่ายเทความร้อนของเครื่องได้ดีกว่าน้ำปรกติ ส่วนน้ำกลั่นจะทำให้หม้อน้ำเกิดตะกรันยาก
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับวิธีการล้างหม้อน้ำรถยนต์ที่เรานำเสนอไปในวันนี้ นอกจากจะง่ายและช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ที่คุณรักแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการใช้บริการล้างหม้อน้ำ แต่หากทำบ่อยก็ไม่จำเป้นต้องใส่น้ำยาทุกครั้งเพราะอาจทำให้หม้อน้ำผุเร็ว ทั้งนี้คุณควรล้างหม้อน้ำประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง เพื่อให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพ แต่อย่าลืมกำจัดสารเคมีอันตรายอย่างน้ำยาหล่อเย็นให้เรียบร้อยด้วยด้วยนะครับ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoparts101.com และ pelicanparts.com
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

5 เทคนิคจอดรถให้ปลอดภัยไม่โดนทุบ
การมีรถยนต์เป็นของตัวเอง แม้ว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันได้ขึ้นเยอะ แต่ก็อาจเป็นดาบสองคม ตกเป็นเป้าของมิชฉาชีพให้เสียทรัพท์ได้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น จึงขอแนะนำเทคนิคการจอดรถให้ปลอดภัย ไม่โดนทุบกระจกเอาของมีค่าไป จะทำอย่างไรได้บ้าง?
1.จอดรถในชั้นที่มีทางเข้าห้างฯ
ตามสถิติการโจรกรรมรถยนต์พบว่า มิจฉาชีพมักเลือกก่อเหตุกับรถซึ่งจอดอยู่ในชั้นที่ไม่มีทางเข้าห้างสรรพสินค้า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีผู้คนพลุกพล่าน สามารถหลบหนีไปได้โดยง่าย
2.จอดรถใกล้ทางเข้าห้างฯ
การจอดรถใกล้ทางเข้าห้างสรรพสินค้า ไม่เพียงแต่ช่วยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุร้ายกับรถของคุณด้วย เนื่องจากยิ่งใกล้ทางเข้ามากเท่าไหร่ ก็จะมีคนเดินผ่านไปผ่านมามากขึ้นเท่านั้น
3.จอดรถในที่ที่มีแสงสว่าง
บางครั้งการจอดรถในห้างสรรพสินค้า อาจมีจุดอับที่มีแสงสว่างไม่มากนัก ซึ่งจุดเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดเหตุร้ายได้ง่าย ถ้าเป็นไปได้จึงควรเลือกจอดในจุดที่มีแสงสว่าง และไม่เป็นมุมอับจะดีกว่า
4.เก็บของมีค่าให้มิดชิด
ไม่ควรเก็บของมีค่า หรือกระเป๋าถือเอาไว้ในรถ เพราะแม้ว่าในกระเป๋าจะไม่มีของมีค่าอะไร แต่ก็อาจล่อตาหัวขโมยให้งัดแงะรถของคุณได้ ดังนั้นจึงควรเก็บกระเป๋าต่างๆ เอาไว้ในกระโปรงท้ายรถ หรือหากจะเก็บไว้ใต้เบาะ ก็ต้องมั่นใจว่าไม่มีสายกระเป๋าโผล่มาให้เห็นแม้แต่นิดเดียว
5.ตรวจสอบล็อคประตู 2 ครั้งเสมอ
ก่อนเดินออกไปจากรถ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทำการล็อกประตูเรียบร้อยแล้ว ด้วยการดึงที่เปิดประตูอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าประตูล็อคแล้วจริงๆ หากเป็นที่จับประตูที่มีสวิตช์สัมผัสระบบ Keyless Entry ก็ให้ใช้วิธีส่องดูตัวล็อคภายในรถ ว่าถูกล็อคเรียบร้อยเป็นอย่างดี
sanook.com
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

อาการผิดปกติของ พัดลมหม้อน้ำ

สำหรับรถยนต์ 1 คัน ต่างก็มีระบบมากมายแบ่งออกเอาไว้เป็นส่วนๆ และในเรื่องของเครื่องยนต์ก็มีแยกย่อยออกไปอีกเช่นกัน รวมไปถึงระบบระบายความร้อน ซึ่งหลักๆ แล้วเรามักจะนึกถึงแต่หม้อน้ำ เพราะมันถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด แต่ถ้าเกิดไม่มี พัดลมหม้อน้ำ มันก็คงจะเป็นงานหนักมากแน่ๆ สำหรับการทำงานของระบบระบายความร้อน

     และปัจจุบัน ส่วนมากพัดลมหม้อน้ำที่ใช้กันในรถรุ่นใหม่ๆ จะเป็นแบบไฟฟ้าแทบทั้งหมดแล้ว เพราะสามารถควบคุม และใช้ทำงานได้ง่ายกว่าแบบเก่า ที่ขับเคลื่อนด้วยสายพาน โดยใช้แรงหมุนจากเครื่องยนต์นั่นเอง แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นรุ่นไหนก็ตาม หน้าที่ในการทำงานของพัดลมหม้อน้ำก็ยังคงเหมือนเดิม ซึ่งก็คือ ทำหน้าที่ระบายความร้อนให้เครื่องยนต์นั่นเอง

     ส่วนการดูแลรักษาพัดลมหม้อน้ำ จริงๆ แล้วแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่หมั่นตรวจดูสภาพ และการทำงานของพัดลมหม้อน้ำ ว่ายังทำงานปกติดีหรือไม่ ซึ่งการตรวจเช็กนั้น ควรทำพร้อมกันกับการตรวจระดับหล่อเย็น จากนั้นตรวจดูใบพัดว่ามีความเสียหาย แตก หัก ตรงไหนบ้าง ถ้าให้ดี ตรวจดูกรอบ และโครงยึดด้วย ว่ายังติดแน่นในตำแหน่งเดิมรึเปล่า หรือมีตรงไหนหลุด เคลื่อนที่ไปบ้าง


แต่ถ้าตรวจเช็กแล้ว พัดลมหม้อน้ำมีการทำงานผิดปกติดังนี้

     1. พัดลมหม้อน้ำทำงานตลอดเวลา ต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับพัดลมหม้อน้ำแน่นอน อาจจะเกี่ยวกับระบบหล่อเย็น หรืออาจจะเป็นที่ตัวควบคุมการทำงานของพัดลมก็ได้ ดังนั้นขั้นแรก ให้ฉีดน้ำไปที่หม้อน้ำก่อน (ห้ามฉีดน้ำไปที่ตัวมอเตอร์เด็ดขาด เพราะจะทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหาย หรือถ้าร้ายแรงมากๆ อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร) หากฉีดไปได้สักพักแล้วพัดลมหม้อน้ำหยุดทำงาน เป็นไปได้ว่า การระบายความร้อนของหม้อน้ำผิดปกติ เกิดความบกพร่อง เช่น สารหล่อเย็นมีไม่พอต่อการใช้งานในระบบ, ครีบระบายความร้อนมีอาการอุดตัน, ในหม้อน้ำมีสนิม หรือตะกรันเกิดขึ้น, ปั๊มน้ำเทอร์โมสตัทพัง ฯลฯ

     และหากฉีดน้ำไปพักนึงแล้ว จนรู้สึกได้ว่าความร้อนของเครื่องยนต์ลดลงเป็นปกติ แต่พัดลมยังไม่หยุดหมุน เป็นไปได้ว่า เทอร์โมสวิทช์ หรืออุปกรณ์ควบคุมการทำงานของพัดลมเจ๊งแน่นอน

     2. พัดลมหม้อน้ำไม่หมุนไม่ทำงาน ให้ไปตรวจดูฟิวส์ก่อนเป็นอันดับแรก ว่าเสียรึเปล่า (ดูตำแหน่งของฟิวส์ได้จากคู่มือรถยนต์รุ่นนั้นๆ) หากเช็กดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ไปดูขั้วเสียบ และสายไฟเป็นอันดับต่อไป แต่ถ้าตรวจแล้วไม่มีอะไรเสียหายอีก จุดต่อไปที่ต้องดูก็คือ ตัวพัดลม หรือวงจรควบคุม ซึ่งในส่วนนี้เราไม่สามารถซ่อมแซม หรือแก้ไขอะไรได้ คงต้องนำรถเข้าไปตรวจสอบดูที่ศูนย์บริการ หรือไม่ก็อู่ซ่อม เพื่อให้ช่างผู้ชำนาญงานเช็กดูให้

     เนื่องจากวงจรควบคุมของรถบางรุ่น ทำงานเชื่อมต่อร่วมกับกล่อง ECU หรือกล่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ดังนั้นหากเราซ่อม หรือแก้ไขเองแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้นมา มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอาจได้เสียเงินเพิ่ม เพื่อซ่อม หรือซื้อกล่อง ECU ตัวใหม่นั่นเอง

http://auto.sanook.com/53801/
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รวมวิธีไล่หนูในห้องเครื่องรถ หนูเข้ารถยนต์ทำอย่างไรดี


       รวมวิธีไล่หนูในห้องเครื่องรถ ช่วงหน้าฝนหลายคนเจอหนูหลบฝนวิ่งเข้าห้องเครื่องรถยนต์ หนูเข้ารถยนต์ทำอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบ
อีกหนึ่งปัญหาที่เจ้าของรถยนต์ต้องเผชิญหนักในช่วงหน้าฝน หนูเข้าห้องเครื่องยนต์หรือบางท่านเจอหนูเข้าในตัวห้องโดยสาร จากร่องรอยการก่อกวนไว้ทั้งกลิ่นฉี่-อึหนู ที่ทิ้งไว้ใหเ้ป็นเรื่องน่ารำคาญใจแถมยังสกปรกเป็นที่สะสมของเชื้อโรค บางรายเจอปัญหาหนักที่หนูกัดสายไฟ สายเบรก
ก่อนจะแก้ปัญหาทั้งหมด เรามาทำความเข้าใจพฤติกรรมของหนูกันก่อนเพื่อการแก้ปัญหาได้ตรงจุด โดยได้ 2 กรณีใหญ่ ๆ คือหนูเข้ามาในรถเพราะได้กลิ่นเศษขนม (เข้ามาหาอาหารโดยตรง) กับหนูเข้ามาหลบเพราะเงียบและปลอดภัย แถมมีไออุ่นจากเครื่องยนต์ช่วงพักตัว จากนั้นรถคุณก็เหมือนที่เป็นพักหลับนอนของเหล่าหนูไปโดยปริยาย
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราก็ได้รวมวิธีป้องกัน วิธีไล่หนูเข้ารถยนต์ไว้ดังนี้
- ทำความสะอาดครั้งใหญ่ในห้องโดยสาร และห้องเครื่อง
เดี๋ยวนี้มีบริการที่คาร์แคร์ทั้งทำความสะอาดในห้องโดยสาร และห้องเครื่องยนต์เสร็จสรรพไม่ต้องเปลืองแรง โดยค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 100-400 บาท หรือใครว่างทำเองก็ลองไปดูรายละเอียดที่ "ล้างห้องเครื่องให้เงางาม สะอาดเสมือนรถใหม่" ได้ครับ
- กำจัดแหล่งอาหารของหนู
เป็นวิธีการเบสิคใช้ป้องกันหนูคือไม่มีอาหาร ไม่มีแหล่งน้ำก็ไม่หนู ทำความสะอาดรอบ ๆ ที่จอดรถของคุณ การทิ้งขยะสดต้องมิดชิด ถังขยะแตกหรือไม่ฝาปิดให้เปลี่ยนเสีย แหล่งน้ำขังให้เทน้ำออก น้ำขังให้กวาดลงที่ระบาย ขาดอาหาร ขาดน้ำหนูก็ย้ายที่อยู่ไป ไม่มายุ่งกับรถคุณแน่นอน
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้
วิธีนี้ทำก็ต่อเมื่อคุณจอดรถในที่ร่มแบบหลังคาเท่านั้น เพราะการเปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้เป็นการทำให้ในห้องเครื่องไม่เป็นที่สงบเกินไป หนูก็จะไม่ชอบและเลิกเข้ามาอาศัยห้องเครื่องเอง
- หาของสารพัดสิ่งที่หนูเกลียดมาวางไว้
หนูมีจมูกที่ดีและกลิ่นสิ่งฉุน ๆ แต่ก็ต้องรับผลข้างเคียงที่จะมีกลิ่นเหล่านี้ติดเข้ามาในรถด้วย เช่น
ทาน้ำมันก๊าดในห้องเครื่อง ข้อควรระวังคือน้ำมันก๊าดจะกัดวัสดุที่เป็นยาง วิธีทำคือนำแปรยงสีฟันเก่ามาจุ่มและทาบางพื้นที่เลี้ยงไม่โดนซีลยาง
วางลูกเหม็น วิธีที่ดีคือนำลูกเหม็นใส่ตาข่ายตาถี่ ๆ มัดวางไว้เป็นจุด ๆ ก่อนเราใช้รถก็หยิบออก
ยาไล่หนู ขอบอกว่ามีเพียบในตลาดและซูเปอร์มาเก็ต ทั้งของนอกของไทย แบบเม็ด แบบแผ่นแปะ หรือเป็นน้ำยา ก็เลือกมาใช้ได้แต่เช็กเรื่องกลิ่นกันหน่อยก็ดี เอาแบบที่ไม่ฉุนครับ
- ปิดใต้ทองรถให้สนิท
วิธีนี่เปลืองเงินมากหน่อยแต่ก็ได้ผลดีทีเดียว ในรุบางรุ่นก็เก็บใต้ท้องรถดีไม่มีช่องพอให้หนูมุดเข้าแน่นอน ลองไล่เช็กแผ่นใต่รถดูว่าติดจุดยึดครบทุกจุด หรือมีขาดก็เปลี่ยนเสีย หรืออีกวิธีคือเข้าร้านประดับยนต์ ถามหาแผ่นปิดใต่ท้องรถของแต่งสำหรับขาซิ่งทั้งหลาย ประโยชน์หลักคือเพิ่มค่าอากาศพลศาสตร์ของรถให้ดีขึ้นโดยการควบคุมอากาศให้ไหลผ่านใต้ท้องรถได้ดี และประโยชน์รองก็คือปิดหนูเข้าห้องเครื่องได้ครับ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

- เลี้ยงแมวสู้
ไม่ว่าวิธีไหน ๆ ก็ยังแก้ไม่ได้ก็ลองหันมาเลี้ยงแมวดู โดยหนูมีสัญชาตญาณที่ไม่ชอบแมว แค่มีกลิ่นเจอแมวก่อกวนตลอด รับรองคุณจะไม่เจอหนูรบกวนอีกแน่นอน
- ย้ายที่จอดรถ
ถือว่าเป็นยอมแพ้เพื่อชนะ เพราะถ้าคุณไม่สะดวกเลี้ยงแมว หมดลูกเหม็นหนูมาใหม่ กำจัดเท่าไหร่หนูก็ไม่หมด จอดรถหน้าบ้านก็ย้ายมาจอดในบ้านเสียจะได้ควบคุมได้ หรือมีพื้นที่จอดในบ้านเยอะ ปรับตำแหน่งจอดให้ห่างท่อ ห่างครัว ห่างถังขยะ ก็ลดความเสี่ยงลงได้เยอะ
แน่อนว่าการป้องกันและกำจัดหนูในห้องเครื่องรถ หนูเข้ารถยนต์เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนและทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหนูชุดใหม่สามารถแวะมาเยี่ยมเยือนได้เรื่อย ๆ ถ้าสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยทางที่ดีเรามารักษาความสะอาดรอบ ๆ บ้าน รอบ ๆ ที่จอดรถให้ดีจะได้ปลอดหนูอย่างยั่งยืนครับ
http://car.kapook.com/view151786.html
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ยอดขายรถยนต์พฤษภาคม 2016 เพิ่ม 16% เป็นบวกสองเดือนติด สัญญาณดีตลาดฟื้น
ยอดขายรถยนต์พฤษภาคม 2016 ขาย 66,035 คัน เพิ่มขึ้น 16.0% เป็นบวกต่อเนื่องสองเดือนติด สะสม 5 เดือนขาย 302,581 คัน ลดลง 2.0%
นายวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนพฤษภาคม 2559 มีปริมาณการขายทั้งสิ้น 66,035 คัน เพิ่มขึ้น 16.0%
- รถยนต์นั่ง 25,050 คัน เพิ่มขึ้น 8.3%
- รถเพื่อการพาณิชย์ 40,985 คัน เพิ่มขึ้น 21.2%
- รถกระบะขนาด 1 ตัน 33,549 คัน เพิ่มขึ้น 29.8%
ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์ เดือนพฤษภาคม 2559
ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 66,035 คัน เพิ่มขึ้น 16.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 22,307 คัน เพิ่มขึ้น 23.9% ส่วนแบ่งตลาด 33.8%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 12,757 คัน เพิ่มขึ้น 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 19.3%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า 9,812 คัน เพิ่มขึ้น 10.6% ส่วนแบ่งตลาด 14.9%
ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 25,050 คัน เพิ่มขึ้น 8.3%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 8,896 คัน เพิ่มขึ้น 19.6% ส่วนแบ่งตลาด 35.5%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า 7,177 คัน เพิ่มขึ้น 18.4% ส่วนแบ่งตลาด 28.7%
อันดับที่ 3 มาสด้า 2,230 คัน เพิ่มขึ้น 13.5% ส่วนแบ่งตลาด 8.9%
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย 33,549 คัน เพิ่มขึ้น 29.8%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 12,842 คัน เพิ่มขึ้น 32.2% ส่วนแบ่งตลาด 38.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 11,649 คัน เพิ่มขึ้น 19.1% ส่วนแบ่งตลาด 34.7%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,950 คัน เพิ่มขึ้น 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 8.8%
ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 4,645 คัน
โตโยต้า 1,832 คัน
มิตซูบิชิ 1,203 คัน
อีซูซุ 1,100 คัน
ฟอร์ด 460 คัน
เชฟโรเลต 50 คัน
ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 28,904 คัน เพิ่มขึ้น 22.4%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 11,010 คัน เพิ่มขึ้น 20.6% ส่วนแบ่งตลาด 38.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 10,549 คัน เพิ่มขึ้น 20.2% ส่วนแบ่งตลาด 36.5%
อันดับที่ 3 ฟอร์ด 2,279 คัน เพิ่มขึ้น 30.5% ส่วนแบ่งตลาด 7.9%
ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 40,985 คัน เพิ่มขึ้น 21.2%
อันดับที่ 1 โตโยต้า 13,411 คัน เพิ่มขึ้น 26.9% ส่วนแบ่งตลาด 32.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ 12,757 คัน เพิ่มขึ้น 17.3% ส่วนแบ่งตลาด 31.1%
อันดับที่ 3 มิตซูบิชิ 2,950 คัน เพิ่มขึ้น 34.7% ส่วนแบ่งตลาด 7.2%
ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของตลาดรถยนต์ต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 อีกทั้งเป็นการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของตลาดรถยนต์นั่งครั้งแรกในรอบ 36 เดือน นับตั้งแต่เดือนเมษายน 2556
และที่น่าสนใจคือยอดขายรถทุกกลุ่ม โตโยต้า กลับมาครองแชมป์ได้ทั้งหมดอีกครั้งหลังจากที่ยอดจำหน่ายรถยนต์นั่งเสียแชมป์ให้ฮอนด้ามาหลายเดือน กลุ่มกระบะเองก็โดนอีซูซุเบียดแซงอยู่อยครั้งครับ
http://car.kapook.com/view151284.html
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

5 สิ่งเข้าใจผิดที่ทำให้เปลืองน้ำมันโดยไม่รู้ตัว

แม้ว่าราคาน้ำมันในช่วงนี้จะค่อนข้างถูก สามารถเติมเต็มถังได้อย่างสบายใจ แต่จะดีแค่ไหนถ้าสามารถขจัดความเชื่อผิดๆ ที่ทำให้รถกินน้ำมันมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว ลองไปดูกันว่ามีอะไรบ้าง
1.ปล่อยไหลเกียร์ว่าง กินน้ำมันมากกว่า!
หลายคนเข้าใจผิดว่าการปลดเกียร์ว่างแล้วปล่อยไหลให้รถเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ด้วยแรงเฉื่อย จะช่วยเซฟน้ำมันได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิด เนื่องจากการขับขี่ในตำแหน่งเกียร์ D ตามปกตินั้น หากมีการปล่อยคันเร่ง หัวฉีดจะตัดการจ่ายน้ำมันทันที
แต่หากผลักคันเกียร์ไปตำแหน่ง N แล้วปล่อยไหลล่ะก็ หัวฉีดจะมีการจ่ายน้ำมันในปริมาณเทียบเท่ากับการจอดรถสตาร์ทเครื่องยนต์ทิ้ง ไว้เฉยๆ ซึ่งแน่นอนว่ากินน้ำมันมากกว่า แถมยังจะทำให้ชุดเกียร์ออโต้เกิดความเสียหายอีกด้วย
2.น้ำมันเครื่องน้อย เครื่องยนต์แรงกว่า
ทางที่ดีน้ำมันหล่อลื่นในเครื่องยนต์ควรอยู่ในระดับปกติ ไม่ควรต่ำเกินไปหรือสูงเกินไป หากน้ำมันเครื่องในระบบมีมากเกิน ก็จะทำให้ลูกสูบเคลื่อนที่ได้ช้าลง ทำให้เครื่องอืดแถมกินน้ำมัน แต่หากมีน้ำมันในปริมาณน้อยเกิน ก็ส่งผลต่อประสิทธิภาพการหล่อลื่น ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เกิดความเสียหายได้
3.ยิ่งขับช้ายิ่งประหยัด
หลายคนเข้าใจผิดว่ายิ่งขับรถช้าลงเท่าไหร่ ก็จะยิ่งประหยัดน้ำมันมากขึ้นเท่านั้น แต่ในความเป็นจริง หากขับรถทางไกลด้วยความเร็วช้าจนเกินไป (เช่น 50-60 กม./ชม.) กลับจะทำให้กินน้ำมันมากขึ้น เพราะเครื่องยนต์ไม่ได้ใช้เกียร์สูงสุดในการขับเคลื่อน รวมถึงอาจยังมีการเปลี่ยนเกียร์ไปมาในจังหวะเหยียบคันเร่ง ซึ่งยิ่งทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก ทางที่ดีควรใช้ความเร็วที่เหมาะสมประมาณ 90-100 กม./ชม. จะได้ความประหยัดมากกว่า
4.ใส่สารแต่งเติมลงในเครื่องยนต์
สารแต่งเติมประเภท Fuel Additive หรือที่เรียกกันติดปากว่า 'หัวเชื้อ' นั้น แทบไม่มีความจำเป็นต้องใช้เลย เนื่องจากยังไม่มีผลการทดสอบยืนยันจากหน่วยงานมาตรฐานที่ระบุว่าช่วยลดอัตรา สิ้นเปลืองได้จริง แถมหากเป็นสารหล่อลื่นสำหรับเติมในเครื่องยนต์ (Lubricant Additive) เหล่านี้มักก่อให้เกิดคราบเหนียว (Tar) ที่ทำให้กินน้ำมันเพิ่มขึ้นไปอีก แถมยังลดประสิทธิภาพการทำงานของเครื่องยนต์ด้วย เสียเงินเพิ่มขึ้นโดยเปล่าประโยชน์
5.เติมลมยางมาก/น้อยกว่ามาตรฐาน
การเติมลมยางมากเกินไป จะทำให้หน้าสัมผัสยางกับถนนลดน้อยลง แม้จะได้ความประหยัดเพิ่มขึ้น (จิ๊ดเดียว) แต่ก็ต้องแลกกับการยึดเกาะถนนที่น้อยลงด้วย แต่หากลมยางอ่อนเกินไป ก็จะทำให้เกิดแรงเสียดทานกับพื้นถนนมากขึ้น ทำให้เปลืองน้ำมันมากขึ้น ทางที่ดีควรเติมลมยางตามมาตรฐานก็พอ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

4 เทคนิคเลี่ยงใบสั่งจับความเร็ว ได้ผลชัวร์!
รถยนต์รุ่นใหม่ๆในปัจจุบัน ถูกพัฒนาให้สามารถขับด้วยความเร็วสูงได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยมากขึ้น แต่เพื่อความปลอดภัยของผู้ร่วมทาง กฎหมายก็ยังคงจำกัดความเร็วไว้ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุให้น้อยที่สุด
จึงขอแนะเทคนิค 4 ข้อที่ช่วยให้รอดพ้นจากเครื่องตรวจจับความเร็วได้ จะมีอะไรบ้าง?
1.รู้จักกฎหมาย
ปัจจุบันพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฉบับ 8 พ.ศ. 2551 กล่าวโดยสรุปได้ว่า รถยนต์ส่วนนั่งบุคคลให้ใช้ความเร็วในเขตเมืองไม่เกิน 80 กม./ชม. นอกเมืองไม่เกิน 90 กม./ชม. แต่สำหรับถนนบางเส้นได้มีการอนุโลมให้ใช้ความเร็วได้มากขึ้น เช่น ถนนมอเตอร์เวย์ไม่เกิน 120 กม./ชม. ทางด่วนและทางพิเศษบูรพาวิถีไม่เกิน 110 กม./ชม. เป็นต้น
2.รู้จักตำรวจ
หากเป็นเส้นทางที่เราคุ้นเคยและใช้เป็นประจำ ก็คงพอจะทราบว่ามีการตั้งกล้องจับความเร็ว หรือตั้งจุดสกัดเอาไว้ช่วงไหนบ้าง แต่ในกรณีที่ต้องใช้เส้นทางที่ไม่ชำนาญ ก็อาจลองค้นดูในกูเกิ้ลเอาก็ได้ ว่าถนนเส้นที่จะวิ่งนั้น มีการจับความเร็วตรงจุดไหนบ้าง ทางที่ดีควรเช็คข้อมูลที่ค่อนข้างอัพเดตนิดนึง เพราะคุณตำรวจมักมีการย้ายจุดตรวจอยู่บ่อยครั้ง
3.รู้จักสังเกต
การขับรถทางไกล หากเป็นคนรู้จักสังเกต ก็จะพบว่ารถที่วิ่งอยู่รอบข้างคุณนั้น (โดยเฉพาะรถบรรทุก) มักมีการส่งสัญญาณให้กันไปมาอยู่เรื่อยๆ เช่น ถ้ามีการกระพริบไฟสูงจากรถที่สวนมา อาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าข้างหน้ามีด่านตรวจตั้งอยู่ หรือรถที่เพิ่งแซงเราไปด้วยความเร็วสูง จู่ๆก็ลดความเร็วลงต่ำกว่าปกติ อาจแปลได้ว่าเป็นรถเจ้าถิ่นที่รู้ตำแหน่งของกล้องจับความเร็วนั้นเอง
4.รู้จักปฏิบัติตามกฎหมาย
ไหนๆถ้าขับรถเร็วเกินกฎหมายกำหนดมันลำบากนัก ก็ใช้ความเร็วไม่เกินกฎหมายเสียเลยดีกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีและควรปฏิบัติอย่างยิ่ง เพราะนอกจากจะไม่ทำให้เครียดแล้ว ยังไม่ต้องห่วงว่าจะโดนใบสั่งส่งตรงไปถึงหน้าบ้าน หรือต้องลงไปเจรจากับคุณตำรวจให้เสียเวลา
ทั้งนี้ เราไม่สนับสนุนให้คุณผู้อ่านทำผิดกฎหมายแต่อย่างใดนะครับ ยกเว้นเสียแต่มีความจำเป็นจริงๆ ก็พอใช้เทคนิคเหล่านี้หลีกเลี่ยงได้นั่นเอง

http://auto.sanook.com/54167/
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host