รักเราแข็งแรงได้ ถ้าใจเราพร้อมวิ่งไปด้วยกัน

pimpanlove

รักที่ดีมันต้อง “อยู่ได้นาน” ใช่ไหมคะ? เราเลยมองว่า การดูแลสุขภาพของคนที่เรารักมันเป็นเรื่องที่สำคัญพอ ๆ กับการพูดคำว่ารักในทุก ๆ วัน ถ้าถามว่าทำไมเราถึงให้ความสำคัญกับการพาแฟนไปออกกำลังกาย มันเริ่มต้นจากความห่วงใยล้วน ๆ แฟนของเราเป็นคนทำงานสายกราฟิก ต้องนั่งหน้าคอมหลายชั่วโมงต่อวัน บางทีก็ทำงานข้ามคืน กินข้าวไม่เป็นเวลา ไม่ค่อยดื่มน้ำ และแน่นอนว่าไม่เคยเข้าใกล้ยิมเลยสักครั้งตั้งแต่เราคบกันมาแรก ๆ เขาเป็นคนขี้เกียจแบบที่บอกเองว่า “แค่คิดจะลุกไปล้างจานยังเหนื่อย” เราเลยรู้ว่า ถ้าอยากให้เขาหันมาใส่ใจสุขภาพ ต้องใช้ทั้งความเข้าใจ ความอดทน และ “ความรัก” ที่ค่อย ๆ ประคองเขาให้ลุกขึ้นมาเปลี่ยนแปลงตัวเอง

ตอนที่เราชวนเขาไปวิ่งด้วยกันครั้งแรก เขาปฏิเสธทันทีค่ะ บอกว่าเหนื่อย ไม่ไหว และกลัวขายหน้าเพราะไม่เคยวิ่ง เราเลยเปลี่ยนกลยุทธ์ ไม่บังคับ แต่เริ่มจากการชวนเขาไปเดินเล่นในสวนเฉย ๆ วันละ 20 นาที ไปเรื่อย ๆ พูดคุยกันเบา ๆ ตอนเดิน ฟังเพลงที่เราชอบเหมือนกัน เปิดเพลย์ลิสต์ชื่อว่า “เพลงที่อยากให้เธอฟังเวลาเหนื่อย” แล้วค่อย ๆ ปล่อยให้เขารู้สึกว่าการเคลื่อนไหวร่างกายไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด มันคือการพาตัวเองออกมาจากความวุ่นวาย และกลับมาอยู่กับตัวเองอย่างสงบ แล้วเราก็ค่อยเพิ่มระดับขึ้นทีละนิดจากเดินเป็นจ็อกกิ้งเบา ๆ จนตอนนี้เขาตื่นมาวิ่งเองในบางเช้าโดยไม่ต้องบอก เราเห็นแบบนั้นก็รู้สึกว่า ความพยายามของเรามันไม่เสียเปล่าเลย

การออกกำลังกายด้วยกันมันไม่ได้แค่ทำให้ร่างกายดีขึ้นนะคะ แต่ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นมาก ๆ เพราะมันคือกิจกรรมที่เราได้ใช้เวลาร่วมกัน ได้เห็นสีหน้าเหนื่อยของกันและกัน ได้หัวเราะเวลาอีกคนหกล้ม หรือได้เชียร์กันเวลาทำท่าที่เคยทำไม่ได้แล้วทำสำเร็จ มันมีความรู้สึกบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ด้วยคำพูด แต่มันอยู่ในสายตาและพลังที่ส่งถึงกันทุกครั้งที่มือเราสัมผัสกันระหว่างพักยืดเส้น

เราเชื่อว่าความรักไม่ใช่แค่เรื่องของอารมณ์ แต่มันคือ “การเลือก” ที่จะใส่ใจกันในเรื่องเล็ก ๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ ๆ ถ้าเราเลือกจะรักใคร ก็ต้องพร้อมจะดูแลเขาในวันที่เขายังไม่อยากดูแลตัวเองด้วยซ้ำ การชวนเขาไปออกกำลังกายสำหรับเราเลยไม่ใช่แค่กิจกรรม มันคือการสื่อสารว่า “เธอมีค่าสำหรับเรามากพอที่เราจะอยากให้เธอมีชีวิตที่ดีขึ้น”

ความสัมพันธ์ที่มั่นคงในมุมของเราคือการเติบโตไปพร้อมกัน ไม่ใช่แค่ปล่อยให้คนใดคนหนึ่งดูแลตัวเองอยู่ฝ่ายเดียว เพราะถึงแม้ร่างกายของเขาจะเป็นของเขา แต่ผลกระทบทั้งหมดก็จะย้อนมาหาเราด้วยในวันหนึ่ง ถ้าเขาป่วย เราจะต้องดูแล ถ้าเขาอ่อนแอ เราจะต้องเป็นคนแบก และถ้าวันนั้นเรายังมีแรง เราก็ควรเริ่มช่วยเขาสร้าง “เกราะ” ให้ตัวเองตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า

เรารู้ดีว่าไม่ใช่ทุกคู่จะอยากออกกำลังกายด้วยกัน หลายคนชอบความเป็นส่วนตัว หรือมีไลฟ์สไตล์ไม่ตรงกัน แต่เราก็อยากให้ลองเปิดใจดู เพราะมันไม่ได้ยากอย่างที่คิด เริ่มจากสิ่งเล็ก ๆ เช่นการพาไปเดินตลาดตอนเช้า หรือลองเรียนคลาสโยคะเบา ๆ ด้วยกันสักครั้ง แล้วจะพบว่า การมีกิจกรรมร่วมกัน มันทำให้บทสนทนาในแต่ละวันมีชีวิตชีวามากขึ้น และที่สำคัญ ทำให้เรารู้ว่าเรายัง “อยากใช้ชีวิตร่วมกันในระยะยาว” มากขนาดไหน

เรื่องนี้มันสะท้อนทัศนคติของเราต่อความรักด้วยค่ะ เราเป็นคนที่เชื่อในความรักที่ไม่หยุดนิ่ง เราไม่อินกับความสัมพันธ์ที่คบกันแล้วปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามอัตโนมัติ เราอยากให้รักคือการพัฒนากันและกันทั้งใจและกาย และอยากให้ความรักเติบโตเป็นต้นไม้ที่แข็งแรง ไม่ใช่แค่ดอกไม้ที่สวยชั่วคราว

เพราะในท้ายที่สุด สุขภาพที่ดีและหัวใจที่แข็งแรงจะเป็นพื้นฐานของความรักที่ยืนยาว — และเราก็อยากอยู่ดูแลกันไปแบบนั้น ไม่ใช่แค่วันนี้ แต่ทุกวัน ที่เรายัง “เดินไปด้วยกัน” ได้อยู่ค่ะ

Credit: Kapook.com