"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
ปิดจ๊อบ "รถคันแรก" คาดตลาดยังซึมต่ออีก 1 ปี

ปิดฉากไปเรียบร้อยแล้วสำหรับโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรก 1 แสนบาท หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ปิดโครงการไปเมื่อ
วันที่ 30 ก.ย. 2558 เพื่อให้สามารถตัดยอดปิดงบประมาณที่คั่งค้างกันมาอย่างยาวนานนับตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อวันที่ 13 ก.ย. 2554
ได้ โดยครั้งนั้น ครม.ได้อนุมัติหลักการและแนวทางการคืนเงินแก่ผู้ซื้อรถยนต์คันแรก สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์
ตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2554-31 ธ.ค. 2555 เพื่อเป็นการเดินตามนโยบายของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้หาเสียงไว้
แต่ช่วงปลายปี 2554 เกิดอุทกภัยใหญ่ทำให้ไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ได้ทันวันสิ้นสุดโครงการ จึงได้มีการต่ออายุโครงการดังกล่าวออกไป

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกรมสรรพสามิต ระบุถึงข้อมูลโครงการรถยนต์คันแรกจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2558 ว่า ตั้งแต่ดำเนินโครงการมี
ผู้ได้รับสิทธิทั้งสิ้น 1,234,986 ราย คิดเป็นเงิน 91,140 ล้านบาท จากจำนวนผู้ขอใช้สิทธิทั้งสิ้น 1,259,113 ราย
คิดเป็นเงิน 92,812 ล้านบาท โดยมีการส่งมอบรถยนต์แล้ว 1,123,451 ราย และเหลือผู้ยังไม่รับมอบรถยนต์อีก 111,535 ราย
หรือ 9.03% ของจำนวนผู้ได้รับสิทธิ

อย่างไรก็ตาม ได้มีการทำแบบสำรวจโดยมีผู้ตอบแบบสอบถามจำนวน 10,289 ราย มีผู้ไม่ประสงค์ขอใช้สิทธิ 7,620 ราย
ซึ่งระยะหลังมีผู้ยื่นขอใช้สิทธิยื่นเอกสารหลักฐานเพิ่มเติมลดจำนวนลง จึงสมควรกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดการรับมอบรถยนต์....

อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/auto/news/391464
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

แก้ปัญหารถเก่า ข้อเสนอที่ต้องรอบคอบ

ถือเป็นช่องว่างของอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยที่ยังหาทางแก้ไขให้สำเร็จลุล่วงด้วยดีไม่ได้ สำหรับการจัดการปัญหารถเก่าหมดสภาพที่ยังคงวิ่งอยู่บนท้องถนนในปัจจุบันนี้

ที่ผ่านมาในช่วง 1-2 ปี ก่อนหน้านี้เคยมีผู้นำเสนอโครงการจำกัดอายุการใช้งานรถยนต์ อาทิ รถยนต์ที่มีอายุเกิน 7-10 ปี ห้ามนำเข้ามาวิ่งในพื้นที่กรุงเทพฯ หากนำเข้ามาวิ่งจะต้องเสียภาษีเทียบเท่ารถใหม่ แต่เรื่องราวดังกล่าวดูเหมือนจะเงียบหายไป จนล่าสุดมีผู้มองเห็นถึงปัญหาดังกล่าวและมีแนวคิดในการแก้ไขให้เป็นรูปธรรม

ทั้งนี้ มีการมองแบบตั้งความหวังกันว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นผู้ยื่นมือเข้ามาจัดการปัญหาดังกล่าวได้อย่างจริงจัง ด้วยความเป็นรัฐบาลที่มีอำนาจการปกครองแบบพิเศษ พร้อมแนวทางการวางรากฐานที่ต้องการปฏิรูปประเทศให้มีความมั่นคงในระยะยาว

ขณะที่มาตรการควบคุมรถยนต์เก่านั้นจะช่วยให้อุตสาหกรรมยานยนต์เกิดความหมุนเวียนได้อย่างสมดุล รวมถึงการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Co2) อีกด้วย ซึ่งผู้ที่มองเห็นปัญหาดังกล่าวนั้นอยากให้รัฐบาลลองพิจารณาการปรับอัตราการเก็บภาษีรถยนต์เก่าให้สูงขึ้น พร้อมทั้งออกมาตรการสนับสนุนให้ผู้ที่นำรถยนต์เก่าเปลี่ยนเป็นรถยนต์ใหม่เพื่อให้เป็นระบบสอดรับกัน.... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/auto/news/390488
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ขั้นตอนการถ่ายน้ำมันเกียร์ออโต้

1.    เตรียมน้ำมันเกียร์ ออโต้ ต้องเป็นสเปคเดิมเท่านั้น ลองเช็กที่ (คู่มือรถ)
2.    ใช้แม่แรงยกรถให้เอียงเล็กน้อย จะทำให้น้ำมันเกียร์ถ่ายออกมามากขึ้น
3.    ภาชนะที่รองรับน้ำมันเกียร์ (ควรหาแกลลอนที่มีตัวเลข บอกปริมาณน้ำมันที่ถ่ายออกมาได้) เพราะต้องใส่น้ำมันเกียร์ของใหม่กลับไปเท่าของเดิม
4.    ไขน็อตออกใช้ประแจเบอร์ 14
5.    รอน้ำมันเกียร์ไหลออก จากนั้นไขน็อตกลับเข้าที่เดิม
6.    เติมน้ำมันเกียร์ ในปริมาณที่เท่ากับน้ำมันเก่าที่ถ่ายออกมา

     คำเตือน : หากไม่ใช้น้ำมันเกียร์เหมือนสเปคเดิมจะไปสร้างปัญหาให้กับระบบเกียร์ของคุณ เพราะหากน้ำมันเกียร์ไม่สามารถเข้ากับน้ำมันเก่าได้ อาจเกิดปัญหาถึงขั้นเกียร์พังได้
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ขั้นตอนการถ่ายน้ำมันเกียร์ออโต้

1.    เตรียมน้ำมันเกียร์ ออโต้ ต้องเป็นสเปคเดิมเท่านั้น ลองเช็กที่ (คู่มือรถ)
2.    ใช้แม่แรงยกรถให้เอียงเล็กน้อย จะทำให้น้ำมันเกียร์ถ่ายออกมามากขึ้น
3.    ภาชนะที่รองรับน้ำมันเกียร์ (ควรหาแกลลอนที่มีตัวเลข บอกปริมาณน้ำมันที่ถ่ายออกมาได้) เพราะต้องใส่น้ำมันเกียร์ของใหม่กลับไปเท่าของเดิม
4.    ไขน็อตออกใช้ประแจเบอร์ 14
5.    รอน้ำมันเกียร์ไหลออก จากนั้นไขน็อตกลับเข้าที่เดิม
6.    เติมน้ำมันเกียร์ ในปริมาณที่เท่ากับน้ำมันเก่าที่ถ่ายออกมา

     คำเตือน : หากไม่ใช้น้ำมันเกียร์เหมือนสเปคเดิมจะไปสร้างปัญหาให้กับระบบเกียร์ของคุณ เพราะหากน้ำมันเกียร์ไม่สามารถเข้ากับน้ำมันเก่าได้ อาจเกิดปัญหาถึงขั้นเกียร์พังได้
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รถวิ่งอืด กินน้ำมัน ไส้กรองตัน! คุณแก้ได้

ไส้กรองอากาศ (Air Filter) มีหน้าที่สำคัญในการดักฝุ่นละอองจากอากาศไม่ให้เข้าไปในห้องเครื่อง
อากาศที่สะอาดจะทำให้กระบวนการสันดาปของเครื่องยนต์เป็นไปอย่างสมบูรณ์ หากมีฝุ่นละอองเข้าไปในห้องเครื่อง
จะทำให้รถคุณวิ่งช้าลงเนื่องจากการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ และอายุการใช้งานเครื่องยนต์สั้นลง

เราควรเปลี่ยนไส้กรองอากาศทุก 10,000 กิโลเมตร หรือควรถอดออกมาทำความสะอาด ทุกๆ 2,000-5,000 กิโลเมตร
โดยขึ้นอยู่กับการใช้งาน เช่น ถ้าขับรถยนต์อยู่ในเมืองเป็นประจำ หรือใช้งานในเส้นทางที่มีฝุ่นมาก
ก็ควรทำความสะอาดบ่อยครั้งกว่า เรามีวิธีทำความสะอาด และเปลี่ยนในแบบง่ายๆที่คุณเองก็ทำได้



     วิธีทำความสะอาดไส้กรองอากาศ

เปิดฝากระโปงรถ
แกะคริปที่ฝาครอบกรองอากาศ
แกะฝาครอบกลองอากาศออก (ฝาไส้กรองอากาศจะอยู่ด้านบนของเครื่องยนต์ ซ้าย – ขวา แล้วแต่รุ่นรถ)
ค่อยๆใช้มือจับไส้กรองดึงออกมา
เป่าฝุ่นไส้กรองอากาศจากด้านในออกไปด้านนอก จนกว่าไม่เห็นละอองฝุ่น
ใส่ไส้กรองอากาศกลับเข้าที่เดิม


    ขั้นตอนเปลี่ยนไส้กรองอากาศ

เตรียมไส้กรองอากาศใหม่ (ตามรุ่นรถที่ใช้)
เปิดฝากระโปรงรถออก
แกะคริปที่ฝาครอบกรองอากาศ
แกะฝาครอบกลองอากาศออก
ดึงไส้กรองอากาศเก่าออกมา (สังเกตแผ่นกรองอากาศ มีคราบสกปรกหนาแน่น)
นำไส้กรองอากาศใหม่มาใส่แทน
ปิดฝาครอบ (เสร็จสิ้นขั้นตอน)
     เพียงคุณทำตามขั้นตอนที่แนะนำ รถที่เจอปัญหาวิ่งอืดและกินน้ำมันจะหายไป อย่าลืมว่าอุปกรณ์และชิ้นส่วนรถยนต์มี
อายุการใช้งานต้องบำรุงรักษา หากปล่อยปะละเลยคุณอาจต้องเสีย ค่าซ่อม ค่าอะไหล่ แพงกว่าเดิมคิดแล้วได้ไม่คุ้มเสีย
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

นายอุดมกล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2558 เป็นต้นไป ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าจะต้องติดไว้ที่รถยนต์ใหม่ทุกคัน
ก่อนส่งรถยนต์คันนั้นไปยังผู้จำหน่ายรถยนต์ในเครือข่ายหรือดีลเลอร์ (Dealer) หรือสถานที่จัดแสดงรถยนต์
หรือสถานที่จำหน่ายรถยนต์ อย่างไรก็ตามจะยกเว้นให้กับรถยนต์ตกรุ่นหรือรถยนต์ค้างสต๊อก หมายถึงรถยนต์รุ่นที่ผลิตในประเทศได้
ยุติสายการผลิต หรือรถยนต์นำเข้าจากต่างประเทศ ตั้งแต่ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 58 ไม่จำเป็นต้องติด

     ป้ายแสดงข้อมูลอีโคสติ๊กเกอร์จะประกอบด้วยข้อมูลคุณลักษณะ คุณสมบัติ และสมรรถนะของรถยนต์ตามมาตรฐานสากลของ
สหประชาชาติ (United Nation-UN) ได้รับการตรวจสอบและรับรองโดยประเทศภาคีสมาชิก UN WP29
และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม


ดังนั้น เมื่อเห็นอีโคสติ๊กเกอร์ ติดบนรถยนต์คันที่ซื้อ ผู้บริโภคมั่นใจได้ว่ารถยนต์คันนั้นไม่ใช่รถยนต์ตกรุ่นหรือรถยนต์ค้างสต๊อก
อีกทั้งยังมั่นใจได้ว่าสมรรถนะต่างๆ ของรถยนต์ที่ปรากฏบนอีโคสติ๊กเกอร์ เช่น อัตราการใช้น้ำมันอ้างอิง (หน่วย ลิตรต่อ 100 กม.)
และระดับความปลอดภัยของรถยนต์ ได้แก่ มาตรฐานการปกป้องผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านหน้าของตัวรถ
มาตรฐานการปกป้องผู้โดยสารในกรณีเกิดอุบัติเหตุจากการชนด้านข้าง และมาตรฐานด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ
(Active Safety) เป็นต้น ได้รับการตรวจสอบและรับรองโดยหน่วยงานมีความน่าเชื่อถือ

     นายอุดมกล่าวว่า นอกจากนี้เพื่อประโยชน์ของผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปในการเข้าถึงการแสดงข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล
ตามแนวทางประกาศฉบับนี้ กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้กำหนดเปิดตัวเว็บไซต์ www.car.go.th
ในช่วงเดือนธันวาคมนี้จะเป็นแหล่งข้อมูลเกี่ยวกับอีโคสติ๊กเกอร์ รายละเอียดและสมรรถนะจริงของรถยนต์แต่ละคันให้กับ
ผู้บริโภคและประชาชนทั่วไป รวมถึงการแสดงข้อมูลอัตราการใช้น้ำมันแท้จริงของรถยนต์แต่ละรุ่นที่อยู่บนมาตรฐานเดียวกัน
สามารถนำไปเปรียบเทียบประกอบการตัดสินใจเลือกซื้อรถยนต์ได้
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รถใหม่ต้องติด “อีโคสติ๊กเกอร์“ เริ่ม 1 ต.ค.-รัฐหวังคุมมาตรฐาน

นายอุดม วงศ์วิวัฒน์ไชย ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) เปิดเผยว่า กระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกประกาศเรื่องการแสดงข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล ตามมติคณะรัฐมนตรี เพื่อให้ผู้บริโภคและประชาชนทั่วไปได้รับข้อมูลสมรรถนะรถยนต์ที่เที่ยงตรง โปร่งใส และเป็นมาตรฐานเดียวกัน สามารถนำไปเปรียบเทียบคุณสมบัติของรถยนต์แต่ละรุ่น เพื่อประโยชน์ต่อการพิจารณาเลือกซื้อรถยนต์ได้ รวมทั้ง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐในการตรวจสอบมาตรฐานรถยนต์และการจัดเก็บภาษีตามโครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่

   ประกาศฉบับนี้กำหนดให้ผู้จะขอลงทะเบียนยื่นขอป้ายข้อมูลรถยนต์ตามมาตรฐานสากล หรืออีโคสติ๊กเกอร์ (ECO Sticker) ต้องเป็นผู้ผลิตหรือผู้นำเข้ารถยนต์เพื่อจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ รวมทั้งกำหนดรายละเอียดเกี่ยวกับอีโคสติ๊กเกอร์ ประกอบด้วยรูปแบบ ขนาดและคำอธิบายต่างๆ

     อีโคสติ๊กเกอร์จะมีขนาดเท่ากระดาษเอ 4 ติดไว้ที่กระจกบังลมด้านหน้า (Windshield) หรือกระจกด้านข้าง (Side Window) ในตำแหน่งสามารถอ่านข้อมูลจากด้านนอกตัวรถยนต์ได้สะดวกชัดเจน โดยผู้ซื้อรถยนต์หรือผู้ที่ได้รับมอบอำนาจเท่านั้นจะมีสิทธิในการปลดอีโคสติ๊กเกอร์ ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้า ผู้บริโภค และประชาชนทั่วไปสามารถดาวน์โหลดประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมดังกล่าวได้จากเว็บไซต์ www.car.go.th
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

สุดท้ายคือ มุมแคสเตอร์ (Caster angle) คือมุมการวางตำแหน่งล้อ เมื่อมองจากด้านข้างตัวรถ เข้าไปหาตัวรถ
มุมแคสเตอร์จะเป็นมุมของแกนหมุนเลี้ยว เอียงจากแนวดิ่งไปตามแนวยาวของรถ เมื่อแกนหมุนเลี้ยวส่วนบน
เอียงไปทางด้านหลังรถ มุมแคสเตอร์จะมีค่าเป็นบวก (Positive) ในทางตรงข้าม ถ้าแกนหมุนเลี้ยวส่วนบนเอียงไปทางด้านหน้ารถ
มุมแคสเตอร์จะมีค่าเป็นลบ (Negative)

ส่วนการถ่วงล้อคือการเพิ่มน้ำหนักให้กับล้อแต่ละล้อให้เกิดความสมดุลมากที่สุด ล้อที่ไม่สมดุลนั้นจะส่งผลให้พวงมาลัยสั่นสะท้านขณะขับ
ส่งผลเสียต่ออายุการใช้งานของยางและสมรรถนะในการเกาะถนน ระบบช่วงล่างของรถและโช้กอัพ รวมถึงความนุ่มนวลในการขับขี่

     ดังนั้นการถ่วงล้อจะช่วยให้เกิดการกระจายน้ำหนักอย่างถูกต้องของยางและกระทะล้อและจะทำให้ยางเกิดการสึกอย่างสม่ำเสมอ
และส่งผลต่อสมรรถนะการขับขี่ที่ดีมากยิ่งขึ้นด้วยถ้าให้ดีควรถ่วงทั้ง 4 ล้อ เพราะความไม่สมดุลในทุกๆ ล้อจะส่งผลต่ออายุ
การใช้งานของระบบช่วงล่าง โดยเฉพาะลูกปืนล้อ

     ควรถ่วงล้อเมื่อรู้สึกว่าเวลาวิ่งบนทางเรียบแล้วพวงมาลัยสั่น หรือในการถอดเปลี่ยนยางแต่ละครั้งก็ควรตรวจเช็กความสมดุลของล้อ
หรือถ้าให้ดีควรเช็กล้อและยางเมื่อผ่านการใช้งานไปประมาณ 40-50% เพราะการสึกหรอของยางอาจไม่สม่ำเสมอกัน
ส่งผลต่อการขับขี่ได้

วิธีถ่วงล้อมี 2 แบบ คือ การถอดกระทะล้อออกมาถ่วงสมดุลทั่วไป กับถ่วงแบบจี้ คือ ไม่ต้องถอดล้อออกจากรถยนต์
เป็นการถ่วงสมดุลกระทะล้อ ยาง จานดิสก์เบรก เพลาขับ ลูกปืนล้อ และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง มักจะทำสำหรับรถถ่วงล้อแบบปกติแล้ว
อาการสั่นยังไม่หาย แต่ปกติการถอดล้อออกมาถ่วงภายนอกก็พอแล้ว
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

อาการแบบไหนต้อง ′ตั้งศูนย์-ถ่วงล้อ′?

  การตั้งศูนย์ล้อ คือการทำให้ส่วนประกอบต่างๆ เกี่ยวกับระบบบังคับเลี้ยว ระบบช่วงล่างล้อ และยาง ให้ทำงานสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง
จะทำให้รถวิ่งได้ตรง ไม่ดึงไปทางซ้ายหรือขวา

ปกติแล้วระบบช่วงล่างและระบบบังคับเลี้ยวของรถนั้นจะมีชิ้นส่วนต่างๆ มากมายเคลื่อนไหวขณะรถวิ่ง และย่อมสึกหรอ
ทำให้ศูนย์ล้อผิดเพี้ยนไปจากสเปก

     นอกจากนี้ศูนย์ล้อยังขึ้นอยู่กับความสูงของตัวรถกับพื้นถนน และการกระจายน้ำหนักลงบนล้อรถด้วย
รวมถึงอายุการใช้งานของรถทำให้คอยล์สปริง บุช หรือลูกยางต่างๆ ก็เริ่มหมดอายุ

     ศูนย์ล้อไม่ถูกต้องตามสเปก สังเกตได้จากพวงมาลัยจะดึงไปข้างใดข้างหนึ่ง จนทำให้ยางทั้ง 2 ข้างสึกไม่เท่ากัน
ยังส่งผลเสียต่อชิ้นส่วนของช่วงล่างที่มีอายุการใช้งานสั้นลงด้วย จึงจำเป็นต้องตั้งศูนย์ล้อเพื่อให้ได้ค่าตามที่กำหนดไว้ในสเปกของรถ

"มติชน" ยานยนต์ขอนำเสนอการตั้งศูนย์ถ่วงล้อ เป็นการปรับตั้งมุมต่างๆ ของล้อให้มีค่าใกล้เคียงกับศูนย์มากที่สุด
เป็นที่มาของคำว่าตั้งศูนย์ มุมที่จะต้องตั้งมีอยู่ 3 มุม

     มุมแรกเรียกว่า มุมแคมเบอร์ มุมที่มองจากด้านหน้ารถหรือหลังรถแล้วดูว่าล้อแบะเข้าหรือแบะออก
ถ้าล้อด้านบนที่ไม่ติดพื้นเอียงเข้ามาหากันเรียกว่ามุมแคมเบอร์เป็นลบ จะเห็นมากในรถโหลดและรถแข่ง
จะตั้งมุมล้อทั้งสี่ล้อลบมากๆ เป็นพิเศษ เพื่อบังคับรถได้ง่าย เพื่อให้เกาะถนนเข้าโค้งดี แต่ยางจะกินด้านในเพียงอย่างเดียว
โดยมากรถใช้งานทั่วไปจะตั้งค่าเป็น 0 หรืออย่างมากก็ไม่เกิน -2

     มุมที่ 2 คือ มุมโทอิน (Toe-in) และ มุมโทเอาต์ (Toe-out) ถ้ามองจากด้านบนหลังคารถลงไปแล้วล้อด้านหน้าสุด
ของทั้งสองข้างทำมุมเข้าหากันเราจะเรียกว่าโทอิน (Toe-in) แต่ถ้าด้านหน้าสุดของล้อกางออกจากกัน
แล้วด้านหลังสุดของล้อเข้าหากันเราเรียกว่าโทเอาต์ (Toe-out) โดยมากรถใช้งานทั่วไปจะตั้งเป็นกลาง หรือเป็น 0
หรือบวกลบไม่เกิน 1-2
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ขั้นตอนการเปลี่ยนแบตเตอรี่

ใส่เบรกมือ เพื่อป้องกันรถไหล
เปิดฝากระโปรงรถ
ใช้ประแจขันน๊อตออกที่ “ขั้วลบ” แบตเตอรี่
ใช้ประแจขันน๊อตออกที่ “ขั้วบวก” แบตเตอรี่
นำแบตเตอรี่ใหม่มาใส่
ตอนใส่แบตเตอรี่ใหม่ ให้ใช้ประแจขันน๊อตที่ “ขั้วบวก” ก่อนขั้วลบ
เมื่อขันน๊อตจนแน่นหมดแล้ว
     ข้อควรระวัง : ในการทำงานกับแบตเตอรี่ เนื่องจากในแบตเตอรี่นั้นมีสารเคมีอยู่ภายใน เช่น สารตะกั่ว น้ำกรด เป็นต้น
ดังนั้นในการทำงานกับแบตเตอรี่ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host