"

Image Hosted by CompGamer Image Host      Image Hosted by CompGamer Image Host
กลับไปยังรายบอร์ด โพสต์ใหม่
- เลี้ยงแมวสู้
ไม่ว่าวิธีไหน ๆ ก็ยังแก้ไม่ได้ก็ลองหันมาเลี้ยงแมวดู โดยหนูมีสัญชาตญาณที่ไม่ชอบแมว แค่มีกลิ่นเจอแมวก่อกวนตลอด รับรองคุณจะไม่เจอหนูรบกวนอีกแน่นอน
- ย้ายที่จอดรถ
ถือว่าเป็นยอมแพ้เพื่อชนะ เพราะถ้าคุณไม่สะดวกเลี้ยงแมว หมดลูกเหม็นหนูมาใหม่ กำจัดเท่าไหร่หนูก็ไม่หมด จอดรถหน้าบ้านก็ย้ายมาจอดในบ้านเสียจะได้ควบคุมได้ หรือมีพื้นที่จอดในบ้านเยอะ ปรับตำแหน่งจอดให้ห่างท่อ ห่างครัว ห่างถังขยะ ก็ลดความเสี่ยงลงได้เยอะ
แน่อนว่าการป้องกันและกำจัดหนูในห้องเครื่องรถ หนูเข้ารถยนต์เป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนและทำอย่างสม่ำเสมอ เพราะหนูชุดใหม่สามารถแวะมาเยี่ยมเยือนได้เรื่อย ๆ ถ้าสภาพแวดล้อมเอื้ออำนวยทางที่ดีเรามารักษาความสะอาดรอบ ๆ บ้าน รอบ ๆ ที่จอดรถให้ดีจะได้ปลอดหนูอย่างยั่งยืนครับ
http://car.kapook.com/view151786.html
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้
วิธีนี้ทำก็ต่อเมื่อคุณจอดรถในที่ร่มแบบหลังคาเท่านั้น เพราะการเปิดฝากระโปรงรถทิ้งไว้เป็นการทำให้ในห้องเครื่องไม่เป็นที่สงบเกินไป หนูก็จะไม่ชอบและเลิกเข้ามาอาศัยห้องเครื่องเอง
- หาของสารพัดสิ่งที่หนูเกลียดมาวางไว้
หนูมีจมูกที่ดีและกลิ่นสิ่งฉุน ๆ แต่ก็ต้องรับผลข้างเคียงที่จะมีกลิ่นเหล่านี้ติดเข้ามาในรถด้วย เช่น
ทาน้ำมันก๊าดในห้องเครื่อง ข้อควรระวังคือน้ำมันก๊าดจะกัดวัสดุที่เป็นยาง วิธีทำคือนำแปรยงสีฟันเก่ามาจุ่มและทาบางพื้นที่เลี้ยงไม่โดนซีลยาง
วางลูกเหม็น วิธีที่ดีคือนำลูกเหม็นใส่ตาข่ายตาถี่ ๆ มัดวางไว้เป็นจุด ๆ ก่อนเราใช้รถก็หยิบออก
ยาไล่หนู ขอบอกว่ามีเพียบในตลาดและซูเปอร์มาเก็ต ทั้งของนอกของไทย แบบเม็ด แบบแผ่นแปะ หรือเป็นน้ำยา ก็เลือกมาใช้ได้แต่เช็กเรื่องกลิ่นกันหน่อยก็ดี เอาแบบที่ไม่ฉุนครับ
- ปิดใต้ทองรถให้สนิท
วิธีนี่เปลืองเงินมากหน่อยแต่ก็ได้ผลดีทีเดียว ในรุบางรุ่นก็เก็บใต้ท้องรถดีไม่มีช่องพอให้หนูมุดเข้าแน่นอน ลองไล่เช็กแผ่นใต่รถดูว่าติดจุดยึดครบทุกจุด หรือมีขาดก็เปลี่ยนเสีย หรืออีกวิธีคือเข้าร้านประดับยนต์ ถามหาแผ่นปิดใต่ท้องรถของแต่งสำหรับขาซิ่งทั้งหลาย ประโยชน์หลักคือเพิ่มค่าอากาศพลศาสตร์ของรถให้ดีขึ้นโดยการควบคุมอากาศให้ไหลผ่านใต้ท้องรถได้ดี และประโยชน์รองก็คือปิดหนูเข้าห้องเครื่องได้ครับ
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

รวมวิธีไล่หนูในห้องเครื่องรถ หนูเข้ารถยนต์ทำอย่างไรดี


       รวมวิธีไล่หนูในห้องเครื่องรถ ช่วงหน้าฝนหลายคนเจอหนูหลบฝนวิ่งเข้าห้องเครื่องรถยนต์ หนูเข้ารถยนต์ทำอย่างไรดี วันนี้เรามีคำตอบ
อีกหนึ่งปัญหาที่เจ้าของรถยนต์ต้องเผชิญหนักในช่วงหน้าฝน หนูเข้าห้องเครื่องยนต์หรือบางท่านเจอหนูเข้าในตัวห้องโดยสาร จากร่องรอยการก่อกวนไว้ทั้งกลิ่นฉี่-อึหนู ที่ทิ้งไว้ใหเ้ป็นเรื่องน่ารำคาญใจแถมยังสกปรกเป็นที่สะสมของเชื้อโรค บางรายเจอปัญหาหนักที่หนูกัดสายไฟ สายเบรก
ก่อนจะแก้ปัญหาทั้งหมด เรามาทำความเข้าใจพฤติกรรมของหนูกันก่อนเพื่อการแก้ปัญหาได้ตรงจุด โดยได้ 2 กรณีใหญ่ ๆ คือหนูเข้ามาในรถเพราะได้กลิ่นเศษขนม (เข้ามาหาอาหารโดยตรง) กับหนูเข้ามาหลบเพราะเงียบและปลอดภัย แถมมีไออุ่นจากเครื่องยนต์ช่วงพักตัว จากนั้นรถคุณก็เหมือนที่เป็นพักหลับนอนของเหล่าหนูไปโดยปริยาย
เมื่อรู้อย่างนี้แล้วเราก็ได้รวมวิธีป้องกัน วิธีไล่หนูเข้ารถยนต์ไว้ดังนี้
- ทำความสะอาดครั้งใหญ่ในห้องโดยสาร และห้องเครื่อง
เดี๋ยวนี้มีบริการที่คาร์แคร์ทั้งทำความสะอาดในห้องโดยสาร และห้องเครื่องยนต์เสร็จสรรพไม่ต้องเปลืองแรง โดยค่าบริการอยู่ที่ประมาณ 100-400 บาท หรือใครว่างทำเองก็ลองไปดูรายละเอียดที่ "ล้างห้องเครื่องให้เงางาม สะอาดเสมือนรถใหม่" ได้ครับ
- กำจัดแหล่งอาหารของหนู
เป็นวิธีการเบสิคใช้ป้องกันหนูคือไม่มีอาหาร ไม่มีแหล่งน้ำก็ไม่หนู ทำความสะอาดรอบ ๆ ที่จอดรถของคุณ การทิ้งขยะสดต้องมิดชิด ถังขยะแตกหรือไม่ฝาปิดให้เปลี่ยนเสีย แหล่งน้ำขังให้เทน้ำออก น้ำขังให้กวาดลงที่ระบาย ขาดอาหาร ขาดน้ำหนูก็ย้ายที่อยู่ไป ไม่มายุ่งกับรถคุณแน่นอน
ไฟล์แนบ: คุณไม่สามารถดูไฟล์แนบได้ จำเป็นต้อง เข้าสู่ระบบ แต่ถ้ายังไม่ได้เป็นสมาชิกก็ สมัครสมาชิก ก่อนนะครับ แล้วเรามาร่วมแบ่งปันความสุขกัน
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

อาการผิดปกติของ พัดลมหม้อน้ำ

สำหรับรถยนต์ 1 คัน ต่างก็มีระบบมากมายแบ่งออกเอาไว้เป็นส่วนๆ และในเรื่องของเครื่องยนต์ก็มีแยกย่อยออกไปอีกเช่นกัน รวมไปถึงระบบระบายความร้อน ซึ่งหลักๆ แล้วเรามักจะนึกถึงแต่หม้อน้ำ เพราะมันถือเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด แต่ถ้าเกิดไม่มี พัดลมหม้อน้ำ มันก็คงจะเป็นงานหนักมากแน่ๆ สำหรับการทำงานของระบบระบายความร้อน

     และปัจจุบัน ส่วนมากพัดลมหม้อน้ำที่ใช้กันในรถรุ่นใหม่ๆ จะเป็นแบบไฟฟ้าแทบทั้งหมดแล้ว เพราะสามารถควบคุม และใช้ทำงานได้ง่ายกว่าแบบเก่า ที่ขับเคลื่อนด้วยสายพาน โดยใช้แรงหมุนจากเครื่องยนต์นั่นเอง แต่ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นรุ่นไหนก็ตาม หน้าที่ในการทำงานของพัดลมหม้อน้ำก็ยังคงเหมือนเดิม ซึ่งก็คือ ทำหน้าที่ระบายความร้อนให้เครื่องยนต์นั่นเอง

     ส่วนการดูแลรักษาพัดลมหม้อน้ำ จริงๆ แล้วแทบจะไม่ต้องทำอะไรเลย เพียงแค่หมั่นตรวจดูสภาพ และการทำงานของพัดลมหม้อน้ำ ว่ายังทำงานปกติดีหรือไม่ ซึ่งการตรวจเช็กนั้น ควรทำพร้อมกันกับการตรวจระดับหล่อเย็น จากนั้นตรวจดูใบพัดว่ามีความเสียหาย แตก หัก ตรงไหนบ้าง ถ้าให้ดี ตรวจดูกรอบ และโครงยึดด้วย ว่ายังติดแน่นในตำแหน่งเดิมรึเปล่า หรือมีตรงไหนหลุด เคลื่อนที่ไปบ้าง


แต่ถ้าตรวจเช็กแล้ว พัดลมหม้อน้ำมีการทำงานผิดปกติดังนี้

     1. พัดลมหม้อน้ำทำงานตลอดเวลา ต้องมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับพัดลมหม้อน้ำแน่นอน อาจจะเกี่ยวกับระบบหล่อเย็น หรืออาจจะเป็นที่ตัวควบคุมการทำงานของพัดลมก็ได้ ดังนั้นขั้นแรก ให้ฉีดน้ำไปที่หม้อน้ำก่อน (ห้ามฉีดน้ำไปที่ตัวมอเตอร์เด็ดขาด เพราะจะทำให้ชิ้นส่วนภายในเสียหาย หรือถ้าร้ายแรงมากๆ อาจทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร) หากฉีดไปได้สักพักแล้วพัดลมหม้อน้ำหยุดทำงาน เป็นไปได้ว่า การระบายความร้อนของหม้อน้ำผิดปกติ เกิดความบกพร่อง เช่น สารหล่อเย็นมีไม่พอต่อการใช้งานในระบบ, ครีบระบายความร้อนมีอาการอุดตัน, ในหม้อน้ำมีสนิม หรือตะกรันเกิดขึ้น, ปั๊มน้ำเทอร์โมสตัทพัง ฯลฯ

     และหากฉีดน้ำไปพักนึงแล้ว จนรู้สึกได้ว่าความร้อนของเครื่องยนต์ลดลงเป็นปกติ แต่พัดลมยังไม่หยุดหมุน เป็นไปได้ว่า เทอร์โมสวิทช์ หรืออุปกรณ์ควบคุมการทำงานของพัดลมเจ๊งแน่นอน

     2. พัดลมหม้อน้ำไม่หมุนไม่ทำงาน ให้ไปตรวจดูฟิวส์ก่อนเป็นอันดับแรก ว่าเสียรึเปล่า (ดูตำแหน่งของฟิวส์ได้จากคู่มือรถยนต์รุ่นนั้นๆ) หากเช็กดูแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ก็ไปดูขั้วเสียบ และสายไฟเป็นอันดับต่อไป แต่ถ้าตรวจแล้วไม่มีอะไรเสียหายอีก จุดต่อไปที่ต้องดูก็คือ ตัวพัดลม หรือวงจรควบคุม ซึ่งในส่วนนี้เราไม่สามารถซ่อมแซม หรือแก้ไขอะไรได้ คงต้องนำรถเข้าไปตรวจสอบดูที่ศูนย์บริการ หรือไม่ก็อู่ซ่อม เพื่อให้ช่างผู้ชำนาญงานเช็กดูให้

     เนื่องจากวงจรควบคุมของรถบางรุ่น ทำงานเชื่อมต่อร่วมกับกล่อง ECU หรือกล่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ ดังนั้นหากเราซ่อม หรือแก้ไขเองแล้วเกิดความผิดพลาดขึ้นมา มันจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะอาจได้เสียเงินเพิ่ม เพื่อซ่อม หรือซื้อกล่อง ECU ตัวใหม่นั่นเอง

http://auto.sanook.com/53801/
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

5 เทคนิคจอดรถให้ปลอดภัยไม่โดนทุบ
การมีรถยนต์เป็นของตัวเอง แม้ว่าจะช่วยอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวันได้ขึ้นเยอะ แต่ก็อาจเป็นดาบสองคม ตกเป็นเป้าของมิชฉาชีพให้เสียทรัพท์ได้ด้วยเช่นกัน
ดังนั้น จึงขอแนะนำเทคนิคการจอดรถให้ปลอดภัย ไม่โดนทุบกระจกเอาของมีค่าไป จะทำอย่างไรได้บ้าง?
1.จอดรถในชั้นที่มีทางเข้าห้างฯ
ตามสถิติการโจรกรรมรถยนต์พบว่า มิจฉาชีพมักเลือกก่อเหตุกับรถซึ่งจอดอยู่ในชั้นที่ไม่มีทางเข้าห้างสรรพสินค้า เนื่องจากบริเวณดังกล่าวไม่มีผู้คนพลุกพล่าน สามารถหลบหนีไปได้โดยง่าย
2.จอดรถใกล้ทางเข้าห้างฯ
การจอดรถใกล้ทางเข้าห้างสรรพสินค้า ไม่เพียงแต่ช่วยให้สะดวกสบายยิ่งขึ้นเท่านั้น แต่ยังลดความเสี่ยงที่จะเกิดเหตุร้ายกับรถของคุณด้วย เนื่องจากยิ่งใกล้ทางเข้ามากเท่าไหร่ ก็จะมีคนเดินผ่านไปผ่านมามากขึ้นเท่านั้น
3.จอดรถในที่ที่มีแสงสว่าง
บางครั้งการจอดรถในห้างสรรพสินค้า อาจมีจุดอับที่มีแสงสว่างไม่มากนัก ซึ่งจุดเหล่านี้เสี่ยงต่อการเกิดเหตุร้ายได้ง่าย ถ้าเป็นไปได้จึงควรเลือกจอดในจุดที่มีแสงสว่าง และไม่เป็นมุมอับจะดีกว่า
4.เก็บของมีค่าให้มิดชิด
ไม่ควรเก็บของมีค่า หรือกระเป๋าถือเอาไว้ในรถ เพราะแม้ว่าในกระเป๋าจะไม่มีของมีค่าอะไร แต่ก็อาจล่อตาหัวขโมยให้งัดแงะรถของคุณได้ ดังนั้นจึงควรเก็บกระเป๋าต่างๆ เอาไว้ในกระโปรงท้ายรถ หรือหากจะเก็บไว้ใต้เบาะ ก็ต้องมั่นใจว่าไม่มีสายกระเป๋าโผล่มาให้เห็นแม้แต่นิดเดียว
5.ตรวจสอบล็อคประตู 2 ครั้งเสมอ
ก่อนเดินออกไปจากรถ ต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าทำการล็อกประตูเรียบร้อยแล้ว ด้วยการดึงที่เปิดประตูอีกครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าประตูล็อคแล้วจริงๆ หากเป็นที่จับประตูที่มีสวิตช์สัมผัสระบบ Keyless Entry ก็ให้ใช้วิธีส่องดูตัวล็อคภายในรถ ว่าถูกล็อคเรียบร้อยเป็นอย่างดี
sanook.com
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ง่ายจริง ! ล้างหม้อน้ำรถยนต์ด้วยตัวเอง
หม้อน้ำเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ โดยมีหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อน ทำให้รถยนต์สามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่นและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น ทั้งนี้ หม้อน้ำก็จำเป็นจะต้องทำความสะอาดเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์
วิธีการตรวจสอบสภาพหม้อน้ำเบื้องต้น ให้บีบท่อยางยางน้ำ ถ้าพบว่าแข็งกว่าปกติ ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำความสะอาดกันแล้ว กระปุกคาร์จึงขอแนะนำวิธีการทำความสะอาดหม้อน้ำรถยนต์ที่คุณสามารถทำเองได้มาฝากกันครับ
อุปกรณ์
1. น้ำยาล้างหม้อน้ำ (หาซื้อได้ที่ห้างสรรสินค้าทั่วไป)
2. สายยางฉีดน้ำ
3. ถุงมือกันน้ำ
4. แปรงล้างขวด (ล้างหม้อพักน้ำ)
5. น้ำสบู่
6. แว่นตานิรภัย (กันน้ำกระเด็นเข้าตา)
7. ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งเก็บน้ำยาหล่อเย็นเก่า
8. ผ้าขี้ริ้ว
9. คีมและไขควง (สำหรับไขปลดหม้อพักน้ำและท่อยาง)
ขั้นตอนที่ 1
หลังจากปล่อยให้เครื่องยนต์และสารหล่อเย็นคลายความร้อนแล้ว เปิดกระโปรงหน้ารถเพื่อเปิดฝาหม้อน้ำและมุดลงใต้ท้องรถเพื่อเปิดหางปลาใต้หม้อน้ำออก ถ่ายเอาน้ำเดิมออกจนหมด โดยควรนำภาชนะมารองน้ำด้วยเนื่องจากสารหล่อเย็นมีพิษแถมมีกลิ่นหอมเรียกแมลงได้ จึงควรต้องกำจัดให้ถูกวิธี เมื่อน้ำในหม้อน้ำออกจนหมดแล้วก็ให้ปิดหางปลาหลวม ๆ ไว้
ขั้นตอนที่ 2
เริ่มทำความสะอาดด้านในหม้อน้ำด้วยเติมน้ำยาล้างหม้อน้ำและน้ำสะอาดลงไปในหม้อน้ำ แล้วจึงติดเครื่องยนต์เพื่อให้น้ำเข้าไปทำความสะอาดในระบบประมาณ 5-10 นาที
ขั้นตอนที่ 3
รอจนเครื่องยนต์เย็นลงแล้วปล่อยน้ำออกมาจากหม้อน้ำ จากนั้นเติมน้ำสะอาดและติดเครื่องอีกครั้ง ทำซ้ำสัก 2 รอบ จนกว่าน้ำที่ออกมาจะใส ไม่มีสีและคราบใด ๆ หลุดออกมา
ขั้นตอนที่ 4
เมื่อหม้อน้ำสะอาดแล้ว ให้ถอดหม้อพักน้ำและท่อยางมาทำความสะอาดด้านในให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 5
ติดตั้งหม้อพักน้ำและท่อน้ำเข้าที่ จากนั้นเติมน้ำยาหล่อเย็นผสมน้ำกลั่นในอัตราส่วนที่เหมาะสมจนเต็ม โดยน้ำยาหล่อเย็นจะช่วยถ่ายเทความร้อนของเครื่องได้ดีกว่าน้ำปรกติ ส่วนน้ำกลั่นจะทำให้หม้อน้ำเกิดตะกรันยาก
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับวิธีการล้างหม้อน้ำรถยนต์ที่เรานำเสนอไปในวันนี้ นอกจากจะง่ายและช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ที่คุณรักแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการใช้บริการล้างหม้อน้ำ แต่หากทำบ่อยก็ไม่จำเป้นต้องใส่น้ำยาทุกครั้งเพราะอาจทำให้หม้อน้ำผุเร็ว ทั้งนี้คุณควรล้างหม้อน้ำประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง เพื่อให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพ แต่อย่าลืมกำจัดสารเคมีอันตรายอย่างน้ำยาหล่อเย็นให้เรียบร้อยด้วยด้วยนะครับ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoparts101.com และ pelicanparts.com
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ง่ายจริง ! ล้างหม้อน้ำรถยนต์ด้วยตัวเอง
หม้อน้ำเป็นส่วนสำคัญของรถยนต์ โดยมีหน้าที่ปกป้องเครื่องยนต์จากความร้อน ทำให้รถยนต์สามารถขับขี่ได้อย่างราบรื่นและยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ให้ยาวนานขึ้น ทั้งนี้ หม้อน้ำก็จำเป็นจะต้องทำความสะอาดเช่นเดียวกับส่วนอื่น ๆ ของรถยนต์
วิธีการตรวจสอบสภาพหม้อน้ำเบื้องต้น ให้บีบท่อยางยางน้ำ ถ้าพบว่าแข็งกว่าปกติ ก็ถึงเวลาที่จะต้องทำความสะอาดกันแล้ว กระปุกคาร์จึงขอแนะนำวิธีการทำความสะอาดหม้อน้ำรถยนต์ที่คุณสามารถทำเองได้มาฝากกันครับ
อุปกรณ์
1. น้ำยาล้างหม้อน้ำ (หาซื้อได้ที่ห้างสรรสินค้าทั่วไป)
2. สายยางฉีดน้ำ
3. ถุงมือกันน้ำ
4. แปรงล้างขวด (ล้างหม้อพักน้ำ)
5. น้ำสบู่
6. แว่นตานิรภัย (กันน้ำกระเด็นเข้าตา)
7. ภาชนะมิดชิดเพื่อทิ้งเก็บน้ำยาหล่อเย็นเก่า
8. ผ้าขี้ริ้ว
9. คีมและไขควง (สำหรับไขปลดหม้อพักน้ำและท่อยาง)
ขั้นตอนที่ 1
หลังจากปล่อยให้เครื่องยนต์และสารหล่อเย็นคลายความร้อนแล้ว เปิดกระโปรงหน้ารถเพื่อเปิดฝาหม้อน้ำและมุดลงใต้ท้องรถเพื่อเปิดหางปลาใต้หม้อน้ำออก ถ่ายเอาน้ำเดิมออกจนหมด โดยควรนำภาชนะมารองน้ำด้วยเนื่องจากสารหล่อเย็นมีพิษแถมมีกลิ่นหอมเรียกแมลงได้ จึงควรต้องกำจัดให้ถูกวิธี เมื่อน้ำในหม้อน้ำออกจนหมดแล้วก็ให้ปิดหางปลาหลวม ๆ ไว้
ขั้นตอนที่ 2
เริ่มทำความสะอาดด้านในหม้อน้ำด้วยเติมน้ำยาล้างหม้อน้ำและน้ำสะอาดลงไปในหม้อน้ำ แล้วจึงติดเครื่องยนต์เพื่อให้น้ำเข้าไปทำความสะอาดในระบบประมาณ 5-10 นาที
ขั้นตอนที่ 3
รอจนเครื่องยนต์เย็นลงแล้วปล่อยน้ำออกมาจากหม้อน้ำ จากนั้นเติมน้ำสะอาดและติดเครื่องอีกครั้ง ทำซ้ำสัก 2 รอบ จนกว่าน้ำที่ออกมาจะใส ไม่มีสีและคราบใด ๆ หลุดออกมา
ขั้นตอนที่ 4
เมื่อหม้อน้ำสะอาดแล้ว ให้ถอดหม้อพักน้ำและท่อยางมาทำความสะอาดด้านในให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 5
ติดตั้งหม้อพักน้ำและท่อน้ำเข้าที่ จากนั้นเติมน้ำยาหล่อเย็นผสมน้ำกลั่นในอัตราส่วนที่เหมาะสมจนเต็ม โดยน้ำยาหล่อเย็นจะช่วยถ่ายเทความร้อนของเครื่องได้ดีกว่าน้ำปรกติ ส่วนน้ำกลั่นจะทำให้หม้อน้ำเกิดตะกรันยาก
เป็นอย่างไรบ้างสำหรับวิธีการล้างหม้อน้ำรถยนต์ที่เรานำเสนอไปในวันนี้ นอกจากจะง่ายและช่วยยืดอายุการใช้งานของรถยนต์ที่คุณรักแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายจากการใช้บริการล้างหม้อน้ำ แต่หากทำบ่อยก็ไม่จำเป้นต้องใส่น้ำยาทุกครั้งเพราะอาจทำให้หม้อน้ำผุเร็ว ทั้งนี้คุณควรล้างหม้อน้ำประมาณ 6 เดือนต่อครั้ง เพื่อให้ระบบทำงานเต็มประสิทธิภาพ แต่อย่าลืมกำจัดสารเคมีอันตรายอย่างน้ำยาหล่อเย็นให้เรียบร้อยด้วยด้วยนะครับ
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก autoparts101.com และ pelicanparts.com
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

เปลี่ยนยาง ขณะรถยางแตก ผู้หญิงก็ทำได้
ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนที่มีความสำคัญอันดับต้นๆของรถยนต์ ควรหมั่นเช็กสภาพยาง เติมลมยางทุกสัปดาห์ จะได้ไม่เกิดปัญหายางแตกกลางทาง ส่วนมากแล้วผู้ที่ประสบเหตุมักไม่เคยเปลี่ยนยางมาก่อนโดยเฉพาะคุณผู้หญิงแล้วละก็ เป็นเรื่องใหญ่เลยทีเดียว เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นได้ตลอดเวลาไม่ว่าคุณจะขับรถใกล้หรือไกล ผู้ขับขี่ต้องเตรียมพร้อมอยู่เสมอเรามีขั้นตอนง่ายๆ เปลี่ยนยางรถยนต์ให้ถูกวิธี ไม่ว่าคุณผู้หญิงคุณผู้ชายก็ทำได้ไม่ยาก
ขั้นตอนเปลี่ยนยางรถยนต์
1.เช็กสภาพยางที่เสียหาย
2.รถเก๋ง เปิดฝากระโปรงท้าย นำยางอะไหล่ใต้พรหมออกมา
3.รถกระบะ ใช้เครื่องมือเฉพาะสำหรับนำยางที่อยู่ใต้ท้องรถด้านหลังออกมา (มีอยู่ในชุดเครื่องมือรถ)
4.คลายน็อตล้อก่อนขึ้นแม่แรง (ปลอดภัยกว่า)
5.ใช้แม่แรงค่อยๆยกรถขึ้น (ระวัง! วางแม่แรงผิด กลับหัวกลับหาง)
6.นำยางเก่าที่เสียหายถอดออก
7.นำยางอะไหล่ที่เตรียมใส่เข้าไป
8.ขันน็อตล้อกลับเข้าที่เดิมให้แน่นที่สุด
9.เก็บเครื่องมือ , แค่นี้ก็เรียบร้อย
การเกิดปัญหา ยางรั่ว ยางแตก เกิดได้ด้วยหลายปัจจัยแต่ที่สำคัญมักเกิดจากการปล่อยปละละเลย ไม่เช็กสภาพยาง เมื่อถูกใช้งานก็ย่อมสึกหรอไปตามระยะทางและระยะเวลา การดูแลรักษายางรถยนต์เป็นสิ่งจำเป็นมีวิธีที่ถูกต้อง ดังนี้
วิธีดูแลสภาพยางรถยนต์
1.เติมลมยางอย่างสม่ำเสมอ
2.สลับยาง ระหว่างคู่หน้า – หลัง (เพื่อการสึกหรอที่เท่ากัน)
3.ถ่วงล้อ (เพื่อกระจายน้ำหนักที่ถูกต้อง)
4.ตั้งศูนย์ล้อทุกครั้งที่เปลี่ยนยาง
5.ใช้ยางรถยนต์ให้เหมาะกับการใช้งานของคุณ
ไม่เพียงเท่านี้ผู้ใช้รถ ผู้หญิงหรือผู้ชาย นิสัยการขับขี่ส่วนบุคลลก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ ยางสึกหรอ ยางรั่ว ยางแตก เช่น ออกรถ-หยุดรถอย่างรุนแรง ขับเบียดฟุตบาท ตกหลุม หักเลี้ยวอย่างรุนแรงกระทันหันบ่อยๆ หากทำตามคำแนะนำ ดังที่กล่าวมา จะลดปัญหา ยางแตก กลางทางได้ และหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมา ก็สามารถเปลี่ยนยางด้วยตัวคุณได้ไม่ยากอย่างที่คิด...จบปิ๊ง
http://auto.sanook.com/53597/
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ไฟหน้า
การเปลี่ยนไฟหน้าให้สว่างกว่ามาตรฐาน ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยเพิ่มทัศนวิสัยได้ดีเสมอไป โดยเฉพาะแสงสีขาวและสีฟ้า แม้ว่าจะดูสว่างมากขึ้น แต่เมื่อเกิดฝนตก แสงสีขาวและสีฟ้านั้นจะสะท้อนกับละอองฝน ทำให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นลดลงเช่นเดียวกับการขับรถฝ่าหมอก และแทบไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ ยามต้องวิ่งกลางฝนเวลากลางคืน แสงไฟโทนออกเหลืองนั้นจะส่องสว่างได้มากกว่า เพราะมีการสะท้อนแสงน้อยกว่า จึงมีความปลอดภัยมากกว่าในการขับขี่
ทั้งนี้ควรจะเลือกให้เหมาะสม อย่าตามแฟชั่นและต้องศึกษาให้ถี่ถ้วน ส่วนท่านที่ต้องเดินทางในพื้นที่ที่ฝนตกชุกเป็นประจำ แนะนำให้ติดสปอตไลท์สีเหลือง เพราะจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางได้มาก แต่จะต้องปรับตั้งลำแสงให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้กวนสายตาผู้ใช้รถท่านอื่น ๆ
มารยาทของการใช้สปอร์ตไลท์นั้นเมื่อเห็นแสงไฟของรถที่สวนมาต้องปิดทันที เพราะจะทำให้ผู้ขับขี่ที่สวนมานั้นตาพร่าเฉียบพลันซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุตามมาได้
รถรุ่นใหม่ ๆ มักจะมีไฟตัดหมอกหลังมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน แต่ยังมีเจ้าของรถจำนวนหนึ่งที่ใช้ไม่ถูกกาลเทศะ เช่นเดียวกับพวกที่ชอบเปิดสปอตไลท์หรือไฟตัดหมอกหน้าในเมืองทั้ง ๆ ที่มีไฟถนนและฝนก็ไม่ได้ตก
กรณีฝนตกหนักควรเปิดไฟตัดหมอกหลัง เพื่อเป็นการแสดงตัว เพราะผู้ที่ขับตามหลังมา จะมองเห็นได้ชัดเจนและไกลกว่า ถ้าไม่มีสามารถซื้อมาติดตั้งเพิ่มเติมได้ และควรติดตั้งเพียงดวงเดียวในตำแหน่งที่เหมาะสม เช่น ใต้กันชนหลังด้านขวา (ด้านเดียวกับผู้ขับขี่) เพราะบ้านเราใช้รถพวงมาลัยขวาและขับชิดซ้าย
การติดตั้งด้านขวาเป็นการบ่งบอกถึงความกว้างของตัวรถได้อีกทางหนึ่งด้วย สามารถใช้ได้ทั้งตอนฝนตกและหมอกลงจัด เมื่อทัศนวิสัยเปิดและมองเห็นได้ชัดเจนก็ควรปิดทันที แม้ทัศนวิสัยแย่มาก ๆ ก็ไม่ควรใช้สัญญาณไฟกะพริบหรือไฟฉุกเฉินอย่างเด็ดขาด
อุปกรณ์จำเป็นสำหรับฤดูฝน
อุปกรณ์กันฝน เช่น ร่ม เสื้อกันฝน แม้กระทั่งหมวกต้องเตรียมเอาไว้เผื่อกรณีฉุกเฉิน และที่ขาดไม่ได้คือไฟฉายที่ควรแยกถ่านเอาไว้ต่างหาก และควรเก็บไว้ในช่องเก็บของหรือหลังเบาะ
อุปกรณ์อื่น ๆ เช่น สเปรย์ไล่ความชื้น กระดาษทิชชู สายลากรถ ผ้าพลาสติกสำหรับปูกันเปื้อน สายพ่วงแบตเตอรี่ต้องมีเอาไว้ ที่ชาร์จแบตฯ มือถือแบบเสียบที่จุดบุหรี่ หรือเพาเวอร์แบงค์ อุปกรณ์เหล่านี้ถ้าเครื่องยนต์ไม่ดับกลางฝนคุณจะไม่นึกถึงความดีและความจำเป็นของมันแน่นอน
อีกอย่างที่พลาดไม่ได้คือเสื้อยืดและผ้าเช็ดตัว เก็บไว้ไม่เสียหาย เพราะหลังจากเปียกคุณคงไม่อยากเข้ามานั่งหนาวหรือเปียกในรถต่อแน่นอน
เมื่อต้องการเดินทางควรตรวจเช็กสภาพอากาศไว้ก่อน ฟังข่าวจราจรหรือพยากรณ์อากาศบ่อย ๆ เมื่อเห็นว่าฝนทำท่าจะตกหนัก ควรหาที่จอดพัก เช่น ปั๊มน้ำมัน ร้านอาหาร หรือจุดบริการของตำรวจทางหลวง รอให้ทัศนวิสัยดีพอแล้วค่อยเดินทางต่อ
การรอให้ฝนตกสักพักจะช่วยให้น้ำฝนชะล้างดินโคลนบนผิวถนนออกไปได้มาก ถนนก็จะลื่นน้อยลง ช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้อีกทางหนึ่ง เมื่อฝนตกต้องลดความเร็วลงและใช้การสังเกตให้มากกว่าปกติ เพราะมักจะมีน้ำท่วมขังบริเวณคอสะพาน ด้านเอียงในโค้ง ฯลฯ ต้องใช้ความระมัดระวังให้มาก เพราะน้ำที่ท่วมขังสามารถทำให้รถเสียหลักได้ง่าย ที่สำคัญที่สุดคือ ต้องไม่ประมาท และถ้าเลี่ยงการขับขี่เวลาฝนตกหนักได้จะเป็นการดีที่สุด
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
หนังสือ GM CAR
Vol.18 No.238 พฤษภาคม 2556
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก differ-autoparts.com , siamsubaru.com , weekendhobby.com , srdriving.com เเละ trekkingthai.com
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

ใบปัดน้ำฝน
ควรเปลี่ยนทุกปีเมื่อฝนแรกเริ่มตกลงมา หรือถ้าคิดว่ามันยังได้อยู่ก็ควรตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงาน โดยทำความสะอาดกระจกและยางปัดน้ำฝนให้สะอาดก่อน จากนั้นฉีดน้ำแล้วลองปัดดูว่า ใบปัดน้ำฝนสามารถกวาดน้ำบนกระจกหน้าได้เกลี้ยงเกลาหรือไม่
ถ้ามีเส้นของคราบน้ำให้เห็นควรเปลี่ยนใหม่โดยไม่ต้องลังเล และถ้าขณะที่ปัดน้ำฝนทำงานแล้วมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดหรือครืดคราดก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน เพื่อป้องกันกระจกเป็นรอยในภายหลัง
ไม่ควรซื้อแบบที่เปลี่ยนเฉพาะยางปัดอย่างเดียว เพราะจุดยืดระหว่างโครงใบปัดกับก้านปัดน้ำฝนนั้นส่วนมากเป็นพลาสติก เมื่อโดนแดดนาน ๆ จะกรอบแตกได้ง่าย ของถูกเนื้อยางจะแข็งทำให้กระจกเป็นรอยง่าย
เวลาเลือกซื้อต้องดูสภาพของยางปัดด้วยว่า มีรอยแตกลายงาหรือไม่ อย่าไว้ใจว่าเป็นของใหม่แล้วจะสบายใจ เพราะของเก่าเก็บถูกเอามาขายปนกับของดี ๆ ก็มี
ตรวจเช็กหัวฉีดน้ำและถังพักน้ำด้วยเช่นกัน ปัญหานี้มักจะเป็นกับรถอายุเยอะหรือรถที่ไม่ค่อยได้รับการดูแลเอาใจใส่ ลองสังเกตดูการฉีดของน้ำล้างกระจกว่าแรงดีหรือไม่ และฉีดอยู่ในแนวที่สมควรไหม ถ้าหัวฉีดอุดตันให้ใช้เข็มเล็ก ๆ แยงเข้าไปทำความสะอาดและปรับทิศทางให้ไปแนวกึ่งกลางกระจก
ถ้าทำความสะอาดแล้วพบว่าแรงดันน้ำเบาให้ตรวจเช็กว่ามีท่อทางรั่วหรือไม่ รวมทั้งเช็กสภาพถังพักและปั๊มน้ำฉีดกระจกด้วย หากพบว่ามีอุปกรณ์ชำรุดให้เปลี่ยนใหม่ เพราะของพวกนี้ราคาไม่แพง ซึ่งระบบน้ำฉีดกระจกจะช่วยได้มาก กรณีที่กระจกสกปรกมาก ๆ นอกจากนี้ต้องตรวจเช็กการทำงานของระบบไล่ฝ้าว่ายังทำงานตามปกติหรือไม่ ถ้าไม่ให้แก้ไขโดยเร็ว
Tip : คุณสามารถหาซื้อน้ำยาเคลือบกระจกมาใช้เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยในการมองเห็นได้ เพราะในน้ำยาจะมีสารช่วยลดการเกาะตัวของหยดน้ำบนผิวกระจก
กระจกรถยนต์
วิธีการทำความสะอาดผิวหน้าของกระจก
กระจกหน้ารถเป็นส่วนที่ทำให้ใบปัดน้ำฝนทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ เนื่องจากเมื่อใช้งานไปนาน ๆ คราบแมลง ยางไม้ ละอองน้ำมันจากบรรดารถเมล์หรือรถบรรทุก ฯลฯ จะติดเป็นคราบแข็งที่ผิวหน้ากระจก ทำให้ผิวหน้าของกระจกขรุขระคล้ายผิวส้ม ก่อให้เกิดเสียงดังเวลาทำงานและรอยคราบเป็นเส้น ๆ
การทำความสะอาดโดยใช้น้ำยาเช็ดกระจกอย่างเดียวไม่สามารถทำความสะอาดได้หมดจดวิธีทำความสะอาดที่ได้ผลมากที่สุด คือใช้ใบมีดโกนขูดทำความสะอาดผิวหน้ากระจก โดยใช้ใบมีดโกนแบบแบน ๆ มีด้าม ค่อย ๆ ขูดไปบนผิวกระจกโดยตรง โดยทำมุมเอียงประมาณ 30 องศาเหมือนเวลาช่างตัดผมโกนหน้าให้คุณขูดเบา ๆ ใบในทิศทางเดียวกัน ใจเย็น ๆ ไม่ต้องกดแรง เดี๋ยวกระจกจะเป็นรอย เมื่อขูดจนเกลี้ยงแล้ว ใช้น้ำยาเช็ดกระจกเช็ดซ้ำ แบบนี้จะทำให้กระจกสะอาด ใบปัดน้ำฝนก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ
Install by khemtat-l[at]hotmail.com

TOP

กลับไปยังรายบอร์ด
Image Hosted by CompGamer Image Host Image Hosted by CompGamer Image Host