HondaCityClub's Archiver




Image Hosted by CompGamer Image Host

Image Hosted by CompGamer Image Host   Image Hosted by CompGamer Image Host

NaiGun กระทู้เมื่อ 14/11/2008 09:30

เอาตัวรอดจาก10เหตุที่เจอบ่อย

เอาตัวรอดจาก10เหตุที่เจอบ่อย
แม้ใช้ความระมัดระวังในการเดินทางอย่างดีแล้ว แต่ก็อาจเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นได้จากหลานสาเหตุ การรับมือและแก้ไขที่ถูกต้องจะช่วยลดความเสียหายลงได้
  
1.       ยางแตก
เมื่อยางระเบิดหรือแตกกระทันหัน ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงความเร็วใด ต้องจับพวงมาลัยให้มั่นคง พยายามรั้งไว้ให้ตรงทิศทาง อย่ากระชากเด็ดขาด ไม่ตกใจกดเบรกอย่างกระทันหัน เพราะรถยนต์อาจหมุนปัดเป๋เสียการทรงตัวได้ ให้ถอนคันเร่ง
  
การลดความเร็ว สามารถใช้เบรกได้เพียงเบา ๆ และต้องเหยียบสลับกับการปล่อย เพื่อไม่ให้น้ำหนักถ่ายลงด้านหน้ามากเกินไป ถ้ายางที่แตกไม่ใช่ล้อขับเคลื่อน ก็สามารถใช้เกียร์ช่วยในการลดความเร็วได้
  
หากต้องการเปลี่ยนยาง ควรดึงเบรกมือก่อนการขึ้นแม่แรง ป้องกันรถยนต์ไหล แต่ถ้ามีที่สูบลมติดรถยนต์ไว้ และยางที่แบนไม่ได้รั่วเป็นรูขนาดใหญ่ ก็สามารถสูบลมยางให้แข็งกว่าปกติสัก 5-10 ปอนด์/ตารางนิ้ว และค่อย ๆ ขับต่อไปจนถึงร้านเปลี่ยนยางก็ได้
  
2.       เบรกแตก
รถยนต์ทุกรุ่นในปัจจุบันใช้น้ำมันเบรกเป็นตัวถ่ายทอดแรงดันระหว่างการกดของเท้าไปยังผ้าเบรก เสมือนเป็นระบบไฮดรอลิกชนิดหนึ่ง ดังนั้นจึงอาจมีการรั่วซึมขึ้นได้ จากการรั่วของลูกยางตัวใดตัวหนึ่งหรือท่อน้ำมันเบรกรั่ว การถ่ายทอดแรงดันก็จะสูญเสียลงไป
  
ระบบเบรกมักแบ่งการทำงานออกเป็น 2 วงจร อาจเป็นแบบล้อคู่หน้าและล้อคู่หลัง หรือเป็นแบบไขว้ล้อหน้าซ้าย-ล้อหลังขวา และล้อหน้าขวา-ล้อหลังซ้าย เผื่อว่าวงจรใดวงจรหนึ่งชำรุด เพื่อให้ระบบยังมีประสิทธิภาพการทำงานหลงเหลืออยู่บ้าง
  
ดังนั้น เมื่อเบรกแตกหรือน้ำมันเบรกเกิดการรั่ว ส่วนใหญ่มักหลงเหลือประสิทธิภาพการทำงานอยู่หลายสิบเปอร์เซ็นต์ หรืออีกไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งในอีกวงจร
  
ตั้งสติให้มั่นคง เมื่อเหยียบแป้นเบรกลงไปแล้วลึกต่ำกว่าปกติ ต้องเหยียบซ้ำแรง ๆ และถี่ ๆ เพื่อใช้แรงดันในวงจรที่เหลือยู่ ผ้าเบรกจะได้สร้างแรงเสียดทาน ขึ้นมาบ้าง พร้อมกับการลดเกียร์ต่ำครั้งละ 1 เกียร์ จนกว่าจะถึงเกียร์ต่ำสุด แล้วค่อยใช้เบรกมือช่วย โดยการกดปุ่มล็อกค้างไว้ให้สุด เพื่อไม่ให้เบรกจนล้อล็อก ดึงขึ้นแล้วปล่อยสลับกันไป เพื่อลดความเร็ว ถ้าระบบเบรกชำรุดทุกวงจร ต้องใช้การลดเกียร์ต่ำช่วยเป็นหลัก แล้วค่อยดึงเบรกมือช่วย เมื่อไล่ลงจนถึงเกียร์ต่ำสุดแล้ว
  
รถยนต์ที่ใช้ระบบเบรกที่มีเอบีเอส ถ้าต้องการเบรกกระทันหัน อย่าเหยียบแล้วปล่อยสลับกันถี่ ๅ แบบเทคนิคการเบรกในยุคเก่า เพราะเอบีเอสจะตัดการทำงานและไม่สามารถป้องกันการล้อล็อกได้ ต้องเหยียบลงไปให้แน่น ๆ แล้วควบคุมพวงมาลัยไปยังทิศทางที่ควรจะไป นั่นคือวิธีที่ถูกต้องเมื่อต้องเบรกกระทันหันในรถยนต์ที่มีเอบีเอส
  
3.       รถหลุดออกจากทาง
อาจเป็นเพราะหักหลบสิ่งกีดขวางอย่างกระทันหัน ทำให้ไถลออกนอกเส้นทาง เมื่อเกิดเหตุการณ์นี้ควรตั้งสติให้มั่น ไม่ควรเหยียบเบรกอย่างแรง เพราะอาจทำให้ล้อล็อกหรือลื่นไถลจนเสียการทรงตัว
  
วิธีที่ถูกต้อง ควรลดความเร็วด้วยการแตะเบรกแล้วปล่อย พร้อมกับการลดจังหวะเกียร์เพื่อใช้เครื่องยนต์ช่วยในการชะลอความเร็วอีกเล็กน้อย นอกจากนั้น สายตายังต้องมองทางไปข้างหน้า เพื่อหลบสิ่งกีดขวาง ไม่ควรหักหลบทันทีเพราะอาจพลิกคว่ำได้
  
4.       คันเร่งค้าง
รถยนต์เกียร์ธรรมดา ให้ใช้เบรกในการชะลอความเร็วโดยไม่ต้องแตะคลัตช์ ให้ใช้คลัตช์เฉพาะในการเปลี่ยนเกียร์ เพื่อช่วยลดความเร็วลงเมื่อจำเป็น และประคองรถยนต์เข้าสู่ไหล่ทางพร้อมกับใช้ปลายเท้าสอดเข้าใต้แป้นคันเร่งเพื่องัดขึ้น
  
หากแป้นคันเร่งไม่สามารถงัดขึ้นได้ ให้บิดกุญแจเพื่อดับเครื่องยนต์ แต่อย่าบิดกุญแจกลับไปจนถึงจังหวะที่พวงมาลัยล็อก และใช้เบรกชะลอความเร็วลงเรื่อย ๆ จนถึงไหล่ทาง
  
5.       เครื่องยนต์ร้อนจัด-น้ำหม้อน้ำแห้ง
  
ถ้าไม่ได้เกิดจากการรั่วซึมผิดปกติ แต่เกิดจากการหลงลืมเติมน้ำหม้อน้ำ ก็สามารถเติมน้ำเข้าไปให้เต็มได้ เพราะถ้ามีการรั่วเติมลงไปก็รั่วออกมาอีก
  
การเติมน้ำ ต้องมีเทคนิคและใจเย็น จอดรถยนต์หลบในที่ปลอดภัย ดับเครื่องยนต์ รอให้เครื่องยนต์เย็นลงบ้าง หาผ้าหนา ๆ และผืนกว้างพอสมควร เช่น ผ้ายางรองพื้นในรถยนต์ คุลมฝาหม้อน้ำให้มิด แล้วบิดออกเล็กน้อยก่อน เพื่อให้แรงดันภายในคลายตัวออกบ้าง เมื่อแรงดันคลายตัวออกมามากในช่วงระยะเวลาประมาณ 2-3 นาที ค่อย ๆ เปิดฝาหม้อน้ำต่อ ระวังไอหรือน้ำร้อนพุ่งขึ้นมา ต้องคลุมผ้าผืนหนาไว้ให้มิดชิดมาก ๆ
  
อย่ารีบเติมน้ำลงไปในทันที ต้องรอให้เครื่องยนต์คลายความร้อน อาจต้องรอถึงกว่า 20-30 นาที การเติมน้ำต้องเติมครั้งละนิด ไม่ควรเกินครึ่งลิตร แล้วทิ้งช่วงสัก 5 นาที เพื่อให้น้ำที่เติมดึงความร้อนกระจายกันให้ทั่ว เพราะโลหะที่ร้อนจัดเมื่อถูกน้ำเย็นทันที จะหดตัวลงอย่างรวดเร็วจนร้าวหรือเสียหายได้
  
6.       สายคลัตช์ขาด-ปั๊มคลัตช์รั่ว
รถยนต์ที่ใช้ระบบเกียร์ธรรมดา ถ้าสายคลัตช์ขาดหรือปั๊มคลัตช์รั่ว ไม่ได้หมายความว่ารถยนต์จะแล่นไม่ได้เลย ยังสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อนำรถยนต์ออกจากพื้นที่เป็นระยะสั้น ๆ โดยไม่ต้องเข็นหรือลากกันได้ไม่ยาก
  
วิธีปฏิบัติคือ ตรวจสอบว่าเส้นทางข้างหน้าต้องว่างไม่น้อยกว่า 10-20 เมตร ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด เปิดสวิตช์กุญแจ เข้าเกียร์ 1 ไว้ กดคันเร่งประมาณ 1-2 ซม. บิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์ค้างไว้
  
ตัวรถยนต์จะกระตุกเป็นจังหวะตามการหมุนของเครื่องยนต์และไดสตาร์ท เคลื่อนที่กระตุกไปทีละนิดจนกระทั่งเครื่องยนต์ทำงาน ก็กดคันเร่งลงไปมากขึ้นเพื่อเร่งความเร็ว เกียร์จะไม่สามรถเปลี่ยนได้ แต่สามารถใช้ความเร็วได้เกือบเต็มที่ของความเร็วสูงสุดของเกียร์ 1 คือ ประมาณ 30-40 กม./ชม. ถ้าเส้นทางข้างหน้าว่างก็สามารถขับไปได้เรื่อย ๆ เมื่อต้องเบรก ก็กดแป้นเบรกลงไปเท่านั้น ปล่อยให้เครื่องยนต์ดับแล้วค่อยเริ่มออกตัวใหม่
  
7.       เมื่อมีรถยนต์แล่นสวนเข้ามาในเลน
เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อย โดยเฉพาะในการขับบนถนน 2 เลนสวนกัน ขั้นแรกควรลดความเร็วลง แต่อย่ามากเกินไปจนรถที่ตามมาด้านหลังชนได้ มองกระจกด้านซ้ายเพื่อหาหนทางหนีทีไล่ พร้อมกระพริบไฟสูงและบีบแตรเตือนและเบี่ยงออกทางเลนซ้าย
ไม่ควรหลบข้ามเลยไปในช่องทางของรถยนต์ที่แล่นสวนมา เพราะบ่อยครั้ง คนขับเพิ่งรู้สึกตัวแล้วหักหลบเข้ามาจนทำให้เกิดการชนกันได้
  
8.       กระจกหน้าแตก
มักไม่ค่อยมีปัญหาหากกระจกหน้าเป็นแบบลามิเนท 2 ชั้น ซึ่งมีแผ่นฟิล์มเหนียวคั่นกลาง เพราะจะไม่ร่วงเป็นเม็ดข้าวโพดเหมือนกระจกแบบเทมเปอร์ชั้นเดียว โดยแผ่นฟิล์มเหนียวตรงกลางจะเป็นตัวยึดไม่ให้เศษกระจกแยกออกจากกัน จึงทำให้พอมองทะลุผ่านและขับต่อไปได้ไกล
  
ถ้าเป็นกระจกแบบเทมเปอร์ จะแตกรวดเร็วมาก เพียงจุดแตกเล็ก ๆ ทำให้เนื้อกระจกสูญเสียความแข็งแรง และเกิดรอยร้าวทั่วแผ่นเป็นฝ้าขาวจนไม่สามารถมองผ่านได้ ผู้ขับจึงต้องตั้งสติให้มั่นและค่อย ๆ ชะลอความเร็ว แล้วเบี่ยงรถยนต์เข้าสู่ไหล่ทาง ถ้าเหลือกระจกติดที่ขอบ ให้ใช้ไม้หุ้มผ้าหนา ๆ หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ในการกระแทกเศษกระจกที่ยังติดอยู่บนขอบออกให้หมด โดยควรหากระดาษหรือผ้ารองบนแผงหน้าปัดและฝากระโปรงหน้า เพื่อป้องกันเศษกระจกหล่นลงไปในช่องแอร์หรือขูดขีดสีตัวถัง
  
ขณะที่ขับรถยนต์ที่ไม่มีกระจกบังลมหน้า ควรปิดกระจกทุกบาน การเปิดระจกหน้าต่างทำให้ลมมาปะทะกับคน และทำให้รถยนต์มีการทรงตัวไม่ดีจากลมที่ไหลผ่าน ถ้ามีแผ่นกันแดดหรือแว่นสายตาก็ควรนำมาใส่ เพื่อป้องกันฝุ่นละอองและเศษกระจกที่อาจค้างอยู่
  
9.       สิ่งของตกอยู่บนถนน
ไม่ควรแล่นทับ เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายได้
  
ขั้นแรกควรลดความเร็ว หากช่องทางทั้งซ้าย-ขวาไม่มีรถยนต์แล่นตามหลังมา ให้หักหลบโดยพยายามเบี่ยงให้น้อยที่สุด เพราะการหักหลบมาก ๆ ในขณะที่ขับเร็ว รถยนต์อาจหมุนหรือปัดเป๋ได้
  
หากเลี่ยงไม่ได้ หลังการทับหรือชน ควรจอดรถและตรวจสอบชิ้นส่วนใต้ท้องรถว่ามีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ เช่น คันชัก คันส่ง ท่อส่งเชื้อเพลิง ถังน้ำมัน ยาง ฯลฯ
  
10.   สัตว์ขวางทาง
ควรลดความเร็ว แต่ไม่ควรเบรกอย่างรุนแรงหรือหักหลบทันที เพราะอาจทำให้รถยนต์พลิกคว่ำได้ และไม่ควรหักหลบไปในช่องทางที่มีรถแล่นสวนมา
หากไม่เร่งรีบ ควรปล่อยให้สัตว์เหล่านั้นเดินจนพ้นจากถนน ไม่ควรบีบแตรไล่เพราะอาจทำให้ตกใจและหันมาทำอันตรายได้
การแซงควรเลี้ยวไปด้านหลังของสัตว์ เพราะการตัดหน้าจะทำให้สัตว์ตกใจและเตลิด อันตรายต่อรถยนต์ในช่องทางอื่น

CITY_SPORT กระทู้เมื่อ 14/11/2008 10:07

ข้อมูลดี

theneyo กระทู้เมื่อ 14/11/2008 10:38

ถ้าเกิดพร้อมกันหมดจะแก้ยังไงครับ  . <img src="{SMILIES_PATH}/snowtoo_icon04.gif" alt=":smile04" title="smile04" />

Nutz กระทู้เมื่อ 14/11/2008 11:05

ใกล้เคียงข้อ 10 เคยเจอครับ จอดรถไว้มีหมูป่ามาเบียดไถตรงแถวๆ บังโคลนหน้า ประมาณว่ามันคงคันแล้วอาศัยรถเราเป็นที่เกาอ่ะ
ผล ---&gt;รถบุบเลยอ่ะ ยังไม่ได้เคลมเลยเนี่ย  <img src="{SMILIES_PATH}/snowtoo_icon17.gif" alt=":smile17" title="smile17" />

oun270 กระทู้เมื่อ 14/11/2008 11:18

<img src="{SMILIES_PATH}/snowtoo_icon27.gif" alt=":smile27" title="smile27" />  ผมเคยเจอไก่บินตัดหน้า ช่วงเวลานั้นคงต้องเบรคอย่างเดียวเลยไม่ได้ใช้วิธีที่ 10 เลย

ยังเสียวหลังอยู่กลัวโดนจูบตูดยังดีที่ขับไม่เร็ว เจอแบบนี้ทำไงดีเพื่อน

noth1 กระทู้เมื่อ 14/11/2008 11:38

[quote author="theneyo"]ถ้าเกิดพร้อมกันหมดจะแก้ยังไงครับ  . <img src="{SMILIES_PATH}/snowtoo_icon04.gif" alt=":smile04" title="smile04" />[/quote]

เออคิดได้ยังไง สุดยอด ฮิๆ

kengcityzx กระทู้เมื่อ 14/11/2008 12:56

ดีคับ

ohm_only กระทู้เมื่อ 14/11/2008 13:04

ผมมีวิธีครับ ถ้าหาก เกิด ทั้ง 10 ข้อในวิธีเดียวกัน

1เตรียมใจยอมรับเหตการเเละตั้งสมาธิอย่าตกใจ

2คิดถึงหน้าพ่อเเละเเม่ให้นานที่สุด

3สวดมนต์ภาวนา ขอพระเยซูหรือพระพุทธเจ้าให้ช่วยเหลือ

4ยิ้มรับสถานการณ์ (ศพจะได้สวยๆ)

5เตรียมใจ เเละหลับตา(ศพจะได้นอนตายตาหลับ ก่อนออกจากบ้านห้ามกินกาเเฟเดี๋ยวตายตาไม่หลับ)

ข้อมูลมาจาก SIMONINCAR

JUNIOR_ZX กระทู้เมื่อ 21/11/2008 22:51

หลบด้านหลังสุนัขไม่ทันเลยเบรค ขับมาประมาณ 60  ชนไปอย่างจัง หมาวิ่งต่อไปเฉยเลย งง ?

artjung กระทู้เมื่อ 23/11/2008 13:05

ของผมดีกว่า เหยียบมา 80 เอง หมาตัดหน้าพอดี ไม่ต้องคิดจะเบรก มันไม่ทันแน่นอน ชนเต็มๆ  ได้ยิงเสียงร้อง 1 เอ๋ง

แทนที่มันจะชนแล้วกระเด็นออกข้าง มันดันกระเด็นไปข้างหน้า เลยเหยียบซ้ำไปอีก 1 ที รถกระดกลอยขึ้นเลย ด้วยความ

ที่รถมันเตี้ยอ่ะนะ รถเก๋ง ตอนที่มันกลืนไปใต้ท้องรถ ดั้น ไปโดนแผงหม้อน้ำ ยุบเข้าไปข้างในเลย อาการหนัก เฟรมหน้าไม่แตก

แต่รอยเพียบ ทะเบียนรถปลิวกระจุยหลุดลุ่ย ยังดีตามเก็บเจอ ตอนแรกวนไปเก็บป้ายทะเบียน กำ! หาหมาไม่เจอ คือในใจนึกมันต้องตายแน่ๆ

แต่ไปเจอแต่ป้าย ไม่เจอหมา ชนยังไม่ถึง 5 นาทีเลยนะ พอผมเก็บป้ายเส็ดค่อยๆขับออกมาจะกลับบ้าน มีหมาข้างทางมันเห่าตามรถผม แล้วมันวิ่งตามรถมาแปลกๆ

ผมคิดในใจ เวนละ ผีหมาหลอกป่าววะ อ่ะกลัว ก้อเลยขับไป พอถึงหมู่บ้านผม หมาในหมู่บ้านมันวิ่งตามกันมา แล้วมันเห่าตามกันใหญ่เลย ผมคิดในใจ ซวยละ ติดใต้ท้องรถแน่ๆ

หลังจากจบเหตุการณ์นี้ สิ่งที่พัง

1. หม้อน้ำ
2. ไดเอ้อ
3. แผงแอร์
4. เหล็กคานยึดหม้อน้ำ(เรียกไม่ถูก) มันบี้เข้าไปข้างใน ต้องเคาะออกมา
5. ปะผุทำสีช่วงเฟรมด้านหน้าใหม่

ปล. แค่ชนหมาตัวเดียว หมดเงินไปยังกะไปชนรถคนอื่นงั้นแหละ

dominic กระทู้เมื่อ 8/1/2009 13:23

:smile10  :smile10  <img src="{SMILIES_PATH}/snowtoo_icon10.gif" alt=":smile10" title="smile10" />

patabac กระทู้เมื่อ 18/1/2009 14:12

ขอบคุณที่แนะนำ <img src="{SMILIES_PATH}/snowtoo_icon05.gif" alt=":smile05" title="smile05" />

Rapzody กระทู้เมื่อ 1/2/2009 17:59

เก็บข้อมูลดีๆครับผม <img src="{SMILIES_PATH}/snowtoo_icon10.gif" alt=":smile10" title="smile10" />

fiatyboy กระทู้เมื่อ 5/3/2009 11:59

<img src="{SMILIES_PATH}/snowtoo_icon18.gif" alt=":smile18" title="smile18" />

mananat กระทู้เมื่อ 10/3/2009 17:10

ข้อมูลดีๆท้างน้าน ขอบคุณครับ

ARM_Run-in_009 กระทู้เมื่อ 25/12/2009 14:52

ข้อมูลดีๆ

louis กระทู้เมื่อ 25/1/2010 12:25

{:4_178:}

smilelinkboy กระทู้เมื่อ 28/1/2010 09:22

[b] [url=http://www.hondacityclub.com/board/redirect.php?goto=findpost&pid=791900&ptid=37484]17#[/url] [i]louis[/i] [/b]

เคยได้ยินมาว่าเวลาเบรคแตกจะไม่สามารถเหยีบคลัชเข้าเกียร์เพื่อลดความเร็วได้ ดังนั้นให้รีบหาที่พิง(ภูเขาข้างทาง)โดยใช้สีข้างของตัวรถรูดไปจนกว่ารถมันจะหยุดเอง อ้อหย่าลืมปลุกพระมาช่วยด้วย 555

prolang กระทู้เมื่อ 3/2/2010 14:40

ขอบคุณมากครับ

jotarofiatz กระทู้เมื่อ 18/7/2010 13:23

สุดยอดข้อมูลจาก naikun เช่นเคย

หน้า: [1] 2

Powered by Discuz! Archiver 7.2  © 2001-2009 Comsenz Inc.
Translated Thai by Jaideejung007(Thzaa.com)